ผลสำรวจคะแนนนิยม “แฮร์ริส” แซงหน้า”ทรัมป์”อย่างต่อเนื่อง

23 ก.ย. 2567 | 02:58 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ก.ย. 2567 | 06:15 น.

ผลสำรวจคะแนนนิยมของผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ2024 “กมลา แฮร์ริส” แซงหน้า ”โดนัลด์ ทรัมป์”อย่างต่อเนื่อง

รอยเตอร์สรายงานผลสำรวจของ NBC NEWs ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2567 เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ2024 ปรากฎว่า “กมาลา แฮร์ริส” รองประธานาธิบดีสหรัฐ นำหน้า “โดนัลด์ ทรัมป์” คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน อยู่ 5 จุด โดยผู้ตอบแบบสอบถามมีทัศนคติเชิงบวกต่อเธอมากขึ้น นับตั้งแต่เธอกลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต

เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นต่อแฮร์ริสนับตั้งแต่แฮร์ริสได้เป็นผู้ท้าชิง 48% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 1,000 คน ที่สำรวจระบุว่ามี ทัศนคติเชิงบวกต่อเธอ เพิ่มขึ้นจาก 32% ในเดือนกรกฎาคม 2567 ถือเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในบรรดาผู้มีบทบาททางการเมืองที่ NBC ทำการสำรวจตั้งแต่ครั้งที่ความนิยมของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช เพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน 2544

เมื่อถามถึงทรัมป์ 40% ของผู้ถูกสำรวจกล่าวว่า มีทัศนคติเชิงบวกต่อเขา เพิ่มขึ้นจาก 38% ในเดือนกรกฎาคม ผลสำรวจนี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 กันยายน 2567 โดยมีข้อผิดพลาดทางสถิติอยู่ที่บวกหรือลบ 3 จุด

ผลสำรวจจาก CBS News ยังพบว่า แฮร์ริสนำหน้าทรัมป์อยู่ 4% โดยได้คะแนน 52% เทียบกับ 48% ของทรัมป์ในกลุ่มผู้ที่มีแนวโน้มจะไปลงคะแนน โดยมีข้อผิดพลาดทางสถิติอยู่ที่บวกหรือลบ 2%

ผลการสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับการสำรวจอื่น ๆ ที่ผ่านมา รวมถึงการสำรวจของ Reuters/Ipsos ที่แสดงให้เห็นว่าการแข่งขันค่อนข้างสูสีกันก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 5 พ.ย. 2567

แม้ว่าการสำรวจระดับชาติจะมีสัญญาณสำคัญเกี่ยวกับความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ผลการเลือกตั้งของแต่ละรัฐตามระบบคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) เป็นตัวตัดสินผู้ชนะ โดยรัฐที่เป็นสมรภูมิ (battleground states) เพียงไม่กี่รัฐจะมีบทบาทชี้ขาด

ทรัมป์ วัย 78 ปี กำลังลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเป็นครั้งที่สามติดต่อกันหลังจากพ่ายแพ้ต่อโจ ไบเดน ในปี 2563 ซึ่งเขายังคงกล่าวโทษเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้ง ในขณะที่เขากำลังเผชิญกับข้อกล่าวหาอาญาทั้งในระดับรัฐบาลกลางและรัฐ เกี่ยวกับความพยายามพลิกผลการเลือกตั้ง

แฮร์ริส วัย 59 ปี เป็นอดีตวุฒิสมาชิกสหรัฐและอัยการ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งภายใต้การบริหารของไบเดน ซึ่งหากชนะ เธอจะเป็นสตรีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในประวัติศาสตร์ 248 ปีของประเทศ

“เธอสามารถเปลี่ยนการเลือกตั้งครั้งนี้จากที่เคยเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับโจ ไบเดน ให้กลายเป็นการตัดสินใจเกี่ยวกับโดนัลด์ ทรัมป์” เอมี วอลเตอร์ ผู้จัดพิมพ์และบรรณาธิการบริหารของ Cook Political Report ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กล่าวในรายการ "Meet the Press" ของ NBC

ในการสำรวจของ CBS จากผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 3,129 คนที่สำรวจระหว่างวันที่ 18-20 ก.ย. แฮร์ริสเพิ่มขึ้น 2% หลังจากที่เคยเสมอกัน 50-50 ในเดือนสิงหาคม ได้รับการสนับสนุนจากผลงานของเธอในการโต้วาทีเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2567