“ทรัมป์” ขู่ตั้งกำแพงภาษีสูง ดึงโรงงานย้ายฐานผลิตกลับสหรัฐ เอาใจคนอเมริกา
ทรัมป์ ประกาศดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาในสหรัฐ มุ่งสร้างเขตภาษีต่ำบนที่ดินของรัฐบาลกลางเพื่อการผลิตพร้อมตั้งทูตการผลิตระดับโลก พร้อมขู่ตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้า
รอยเตอร์รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันอังคารที่ 24 กันยายน 2567 ว่าเขาจะพยายาม "ดึง" งานภาคการผลิตจากต่างประเทศ รวมถึงจากพันธมิตรของสหรัฐฯ หากเขาชนะการเลือกตั้งในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 โดยจะเสนอสิ่งจูงใจเพื่อกระตุ้นให้บริษัทย้ายมาตั้งในสหรัฐ
ทรัมป์ ระบุว่า การฟื้นฟูการผลิต เป็นหัวใจสำคัญของแผนเศรษฐกิจของเขา โดยเขาจะเสนอภาษีต่ำและกฎระเบียบน้อยแก่บริษัทต่างชาติเพื่อดึงดูดพวกเขาซึ่งจะส่งผลให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ ของภาคการผลิตจากพันธมิตรของสหรัฐฯ อย่างเกาหลีใต้และเยอรมนี รวมถึงจากคู่แข่งทางเศรษฐกิจอย่างจีน
"ผมต้องการให้บริษัทรถยนต์เยอรมันกลายเป็นบริษัทรถยนต์อเมริกัน ผมต้องการให้พวกเขาสร้างโรงงานที่นี่" " ทรัมป์กล่าวระหว่างการปราศรัยต่อผู้สนับสนุนในซาวานนาห์ รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของสหรัฐฯ และเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์
อย่างไรก็ตาม บริษัทที่ไม่ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ จะเผชิญกับ "ภาษีที่สูงมาก" เมื่อส่งผลิตภัณฑ์เข้ามาในสหรัฐเขากล่าว
เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์กล่าวว่าจะเก็บภาษี 200% สำหรับการนำเข้าสินค้าของจอห์น เดียร์ (DE.N) เข้าสหรัฐฯ หากบริษัทอุปกรณ์การเกษตรย้ายการผลิตไปเม็กซิโกตามแผน
การรักษาและสร้างงานในภาคการผลิตของอเมริกาโดยการเก็บภาษีอย่างกว้างขวางทั้งจากมิตรและศัตรูได้กลายเป็นประเด็นหลักในข้อความทางเศรษฐกิจของทรัมป์
ทรัมป์ ยังระบุว่า เขาจะให้รางวัลผู้ผลิตในสหรัฐฯ ด้วยการลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายในการวิจัยและพัฒนา และความสามารถในการตัดจำหน่ายค่าใช้จ่ายของเครื่องจักรหนักในปีแรก ด้วยการลดอัตราภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 15% สำหรับบริษัทที่ผลิตสินค้าในสหรัฐฯ
นอกจากนั้นจะแต่งตั้งทูตการผลิตระดับโลกเพื่อโน้มน้าวบริษัทต่างชาติให้ย้ายมาสหรัฐฯ รวมทั้งจะสร้างเขตพิเศษที่มีภาษีต่ำและกฎระเบียบน้อยบนที่ดินของรัฐบาลกลางสำหรับผู้ผลิตที่อยู่ในอเมริกา
ยังไม่ชัดเจนว่าที่ดินของรัฐบาลกลางส่วนใดจะถูกเสนอให้กับบริษัทต่างชาติภายใต้แผนของทรัมป์ หรือการจัดการดังกล่าวจะทำงานอย่างไร หากที่ดินยังคงอยู่ในมือของรัฐบาลกลางในขณะที่บริษัทต่างชาติดำเนินการอยู่บนที่ดินนั้น โดยทฤษฎีแล้วบริษัทเหล่านั้นอาจได้รับการยกเว้นภาษีทรัพย์สิน
ทรัมป์ได้ประกาศนโยบายเศรษฐกิจใหม่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทีมงานของเขาเชื่อว่าจะดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งชนชั้นแรงงานและชนชั้นกลาง รวมถึงการยกเลิกการเก็บภาษีของรัฐบาลกลางจากค่าทิปและค่าล่วงเวลา
นักเศรษฐศาสตร์หลายคนเตือนว่าการยกเลิกภาษีดังกล่าวจะลดรายได้ของรัฐบาลและทำให้การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางพุ่งสูงขึ้น
สุนทรพจน์ของทรัมป์ ซึ่งเป็นการกล่าวถึงเศรษฐกิจครั้งสำคัญครั้งที่สองในเดือนนี้ เกิดขึ้นในขณะที่เขาและรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต แข่งขันกันเพื่อโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิอย่างจอร์เจียว่าพวกเขาจะเป็นผู้ดูแลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ดีที่สุด
แฮร์ริสได้ลดความได้เปรียบของทรัมป์ในประเด็นเศรษฐกิจ ตามผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร เมื่อถูกถามว่าผู้สมัครคนใดมีแนวทางที่ดีกว่าในเรื่อง "เศรษฐกิจ การว่างงาน และการจ้างงาน" ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 43% เลือกทรัมป์ และ 41% เลือกแฮร์ริส ทรัมป์เคยนำหน้าแฮร์ริส 11 คะแนนในประเด็นเศรษฐกิจเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม
แฮร์ริสมีกำหนดจะกล่าวสุนทรพจน์สำคัญด้านเศรษฐกิจในรัฐสมรภูมีเพนซิลเวเนียในวันพุธ รอยเตอร์รายงานว่าข้อเสนอบางส่วนของแฮร์ริสจะมุ่งเน้นการช่วยให้ชาวอเมริกันสร้างและรักษาความมั่งคั่งในวงกว้าง