รหัสลับ "True Promise II" ปฏิบัติการโจมตี "อิสราเอล" ของ "อิหร่าน"

เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 อิหร่านได้ดำเนินปฏิบัติการทางทหารภายใต้รหัส "True Promise II" โจมตีฐานทัพและหน่วยสอดแนมหลักของอิสราเอล 3 แห่ง ด้วยขีปนาวุธเกือบ 200 ลูก ส่งผลให้ความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางทวีความรุนแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

สำนักข่าวทัสนิมของอิหร่านรายงานว่า พลเอกโมฮัมมัด โฮสเซน บาเกรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่าน เปิดเผยว่าปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการตอบโต้ต่อการลอบสังหารบุคคลสำคัญหลายคน รวมถึงอิสมาอีล ฮานิเยห์ อดีตผู้นำฮามาส ซัยยิด ฮัสซัน นัสรอลลาห์ ผู้นำฮิซบอลเลาะห์ และพลเอกอับบาส นิลโฟรูชาน ผู้บัญชาการระดับสูงของอิหร่าน

เป้าหมายของการโจมตีประกอบด้วยที่ตั้งของหน่วยสืบราชการลับมอสสาด ฐานทัพอากาศเนวาทิมที่ตั้งของเครื่องบินรบ F-35 ฐานทัพฮัทเซริม รวมถึงเรดาร์เชิงยุทธศาสตร์ ศูนย์เก็บรถถังและรถลำเลียงพล และศูนย์พักกำลังพลที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการในกาซา

พลเอกบาเกรียืนยันว่า กองทัพอิหร่านมีความพร้อมที่จะตอบโต้การกระทำของอิสราเอลด้วยขีดความสามารถที่ "มากกว่าหลายเท่า" ของสิ่งที่แสดงให้เห็นใน "True Promise II" หากอิสราเอลยังคงดำเนินการรุกรานต่อไป

ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของอิหร่านแสดงความหวังว่า สหรัฐฯ จะเปลี่ยนแนวทางและหยุดยั้งรัฐบาลอิสราเอล เพื่อให้ภูมิภาคนี้สามารถก้าวไปสู่ความสงบได้

กองบัญชาการทั่วไปของกองทัพอิหร่านก็ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปฏิบัติการนี้ในแถลงการณ์ โดยกล่าวว่าเป็นการตอบโต้ต่อการละเลยสิทธิอธิปไตยอันชอบธรรมของสาธารณรัฐอิสลามของรัฐบาลอิสราเอล

แถลงการณ์ยกย่องการตอบโต้นี้ว่าเป็นตัวอย่างของการ "ทำให้ผู้รุกรานที่มีเจตนาร้ายทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด ต้องเสียใจกับการกระทำของตน"

ในขณะเดียวกัน แถลงการณ์ได้เตือนรัฐบาลผู้รุกรานว่า "ควรคาดหวังการทำลายล้างโครงสร้างพื้นฐานอย่างกว้างขวางและครอบคลุมภายในดินแดนปาเลสไตน์ที่ถูกยึดครอง หากมีการตอบโต้ (ต่อปฏิบัติการ) ในลักษณะเดียวกัน"

ท้ายที่สุด แถลงการณ์ได้เตือนผู้สนับสนุนรัฐบาลอิสราเอล รวมถึงสหรัฐอเมริกา ไม่ให้เข้าร่วมแทรกแซงโดยตรงต่อสาธารณรัฐอิสลาม โดยกล่าวว่าการแทรกแซงดังกล่าวจะนำมาซึ่ง "การตอบโต้อย่างรุนแรงและทำให้เสียใจต่อศูนย์กลางและผลประโยชน์ของพวกเขาทั่วทั้งภูมิภาค"

ขณะที่กระทรวงกลาโหมอิหร่านออกแถลงการณ์ ระบุว่า การโจมตีตอบโต้ด้วยขีปนาวุธที่พุ่งเป้าไปยังเป้าหมายทางทหารของอิสราเอลในดินแดนยึดครอง เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของอิหร่าน

แถลงการณ์ กระทรวงกลาโหมอิหร่านยังระบุด้วยว่า การประเมินสถานการณ์ผิดพลาดใด ๆ ของอิสราแอลและผู้สนับสนุน จะส่งผลให้อิหร่านใช้อุปกรณ์และอาวุธที่จะสร้างความเสียหายรุนแรงและเจ็บปวดยิ่งกว่าต่อร่างกายที่อ่อนแอและเน่าเปื่อยในการตอบโต้ครั้งต่อไป