วิเคราะห์นโยบายทรัมป์ vs แฮร์ริส: ใครทำให้สหรัฐ เป็นหนี้มากกว่ากัน?

08 ต.ค. 2567 | 00:00 น.
อัปเดตล่าสุด :28 พ.ย. 2567 | 05:38 น.

คณะกรรมการดูแลงบประมาณของรัฐบาลกลาง หรือ CRFB เปิดผลประเมินนโยบายการคลัง 2 ผู้สมัครประธานาธิบดี ทรัมป์ vs แฮร์ริส ผลกระทบต่อหนี้สาธารณะ งบประมาณ และความยั่งยืนทางการเงินของสหรัฐ

8 ตุลาคม 2567 รอยเตอร์ รายงานว่า คณะกรรมการดูแลงบประมาณของรัฐบาลกลาง (Committee for a Responsible Federal Budget) หรือ CRFB ประเมินแผนภาษีและการใช้จ่ายตามนโยบายหาเสียงของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน จะก่อให้เกิดหนี้ใหม่มากกว่าแผนของรองประธานาธิบดี “กมลา แฮร์ริส” จากพรรคเดโมแครต สองเท่า

คณะกรรมการดูแลงบประมาณของรัฐบาลกลางได้ทำการประมาณการแผลกระทบทางการเงินจากนโยบายหาเสียงของทั้งทรัมป์และแฮร์ริส โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ คือ ต่ำสุด กลาง และสูงสุด ดังนี้:

กมลา แฮร์ริส

นโยบายของ กมลา แฮร์ริส:

ระดับต่ำสุด: ไม่มีการเพิ่มหนี้ (0 ล้านล้านดอลลาร์)

ระดับกลาง: เพิ่มหนี้ 3.5 ล้านล้านดอลลาร์

ระดับสูงสุด: เพิ่มหนี้ 8.1 ล้านล้านดอลลาร์

โดนัลด์ ทรัมป์

นโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์:

ระดับต่ำสุด: เพิ่มหนี้ 1.45 ล้านล้านดอลลาร์

ระดับกลาง: เพิ่มหนี้ 7.5 ล้านล้านดอลลาร์

ระดับสูงสุด: เพิ่มหนี้ 15.15 ล้านล้านดอลลาร์

การประมาณการนี้แสดงให้เห็นว่าแผนของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะเพิ่มหนี้มากกว่าแผนของแฮร์ริสในทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับสูงสุด ซึ่งแผนของทรัมป์อาจเพิ่มหนี้มากกว่าแผนของแฮร์ริสเกือบสองเท่า

นโยบายหาเสียงของทรัมป์ได้สัญญาว่าจะมีการลดหย่อนภาษีหลายรายการ รวมถึงการขยายการลดหย่อนภาษีบุคคลทั้งหมดของปี 2017 ที่จะหมดอายุในปีหน้า และการยกเลิกการเก็บภาษีรายได้จากทิป ประกันสังคม และค่าล่วงเวลา ขณะที่มาตรการหลักเพียงอย่างเดียวที่จะเพิ่มรายได้คือการเพิ่มภาษีศุลกากร ซึ่งจะเพิ่มรายได้ 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ตามการประมาณการกลาง

โดนัลด์ ทรัมป์

ส่วนนโยบายหาเสียงของแฮร์ริสได้ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มเครดิตภาษีสำหรับเด็กและเพิ่มโบนัสเครดิต 6,000 ดอลลาร์สำหรับทารกแรกเกิด เพิ่มการใช้จ่ายด้านการดูแลเด็กและผู้สูงอายุ และเสนอเครดิตภาษี 25,000 ดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก แต่จะเพิ่มภาษีสำหรับบริษัทและครัวเรือนที่มีรายได้ 400,000 ดอลลาร์ขึ้นไป การเพิ่มภาษีเหล่านี้จะเพิ่มรายได้ 4.25 ล้านล้านดอลลาร์ตามการประมาณการกลางของ CRFB

 

ผลการวิเคราะห์อย่างละเอียดของ CRFB สอดคล้องกับการสรุปประมาณการงบประมาณก่อนหน้านี้ของรอยเตอร์ รวมถึงการวิเคราะห์ที่ไม่ครอบคลุมจาก CRFB แสดงให้เห็นว่าแผนของทรัมป์จะสะสมหนี้มากกว่าแผนของแฮร์ริสอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม การประมาณการดังกล่าวได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งสองฝ่าย

โฆษกของแฮร์ริสไม่เห็นด้วยกับการประมาณการของ CRFB ที่ว่าข้อเสนอของเธอจะเพิ่มการขาดดุล โดยกล่าวว่าในฐานะประธานาธิบดี แฮร์ริสจะลดการขาดดุล

กมลา แฮร์ริส

ขณะที่ไบรอัน ฮิวจ์ส ที่ปรึกษาอาวุโสของทรัมป์ ปฏิเสธการประมาณการของ CRFB โดยกล่าวว่ากลุ่มนี้คัดค้านการลดภาษีในปี 2017 และสนับสนุนกฎหมายลดเงินเฟ้อของรัฐบาลไบเดน ที่ผ่านด้วยคะแนนเสียงชี้ขาดของแฮร์ริสในวุฒิสภาสหรัฐฯ

"แผนของประธานาธิบดีทรัมป์จะควบคุมการใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง เอาชนะเงินเฟ้อ ลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย และจุดประกายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กระตุ้นรายได้ของรัฐบาลกลาง เพื่อให้เราสามารถทำให้เศรษฐกิจของเรายิ่งใหญ่อีกครั้ง" ฮิวจ์สกล่าวในแถลงการณ์