เลือกตั้งสหรัฐ2024 อาจเปลี่ยนทิศทางเจรจาสภาพภูมิอากาศโลก

25 ก.ย. 2567 | 00:00 น.
อัปเดตล่าสุด :27 ก.ย. 2567 | 03:18 น.

การเลือกตั้งสหรัฐฯ อาจส่งผลต่อการเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศโลก ประเทศต่างๆ กำลังรอคอยทิศทางนโยบายจากผู้ชนะ ความล่าช้าในการตัดสินใจอาจส่งผลให้การบรรลุข้อตกลงด้านการเงินสภาพภูมิอากาศล่าช้าไปจนถึงปี 2025

การประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ (COP29) ซึ่งจะจัดขึ้นที่บากู ประเทศอาเซอร์ไบจานในเดือนพฤศจิกายนนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับการเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศของโลก

มีความกังวลว่า การเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน อาจทำให้บรรยากาศการเจรจาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ประเทศต่างๆ ทั่วโลกกำลังเฝ้ารอว่าผู้ชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้จะเป็นใคร และจะมีบทบาทอย่างไรต่อการดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศที่เป็นทั้งเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดและผู้ก่อมลพิษรายใหญ่ที่สุดในโลก

การเงินสภาพภูมิอากาศ จะคืบหน้าหรือล่าช้า

หนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุมสหประชาชาติที่นิวยอร์กในเดือนกันยายนนี้ คือ การเจรจาเพื่อเพิ่มเป้าหมายการจัดสรรเงินทุนรายปีสำหรับการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 1 เเสนล้านดอลลาร์ต่อปีจะหมดอายุลงในสิ้นปีนี้ หากไม่มีการกำหนดเป้าหมายใหม่ทันเวลา การเจรจาด้านการเงินสภาพภูมิอากาศในอนาคตอาจพบอุปสรรคสำคัญ

สิ่งที่ทำให้ประเทศต่างๆ กังวล คือ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ หลังการเลือกตั้ง นักเจรจาเปิดเผยว่าหลายประเทศลังเลที่จะชี้แจงจุดยืนของตัวเองก่อนที่จะทราบผลการเลือกตั้ง เนื่องจากผู้ชนะการเลือกตั้งจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อทิศทางนโยบายของสหรัฐฯ ในด้านการสนับสนุนเงินทุนด้านสภาพภูมิอากาศในอีกสี่ปีข้างหน้า

แฮร์ริสหรือทรัมป์ สองทิศทางที่แตกต่าง

หากรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ชนะการเลือกตั้ง สหรัฐฯ จะมีแนวโน้มที่จะสานต่อนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งมุ่งเน้นในการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงพลังงานสะอาดและการจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

แฮร์ริส เคยระบุว่า จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนคำมั่นสัญญาด้านสภาพภูมิอากาศ เช่น การบริจาคเงิน 3 พันล้านดอลลาร์ให้กับกองทุนสภาพภูมิอากาศสีเขียวของโลก ซึ่งเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญสำหรับประเทศกำลังพัฒนา

ในทางกลับกัน หากโดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้ง นโยบายของสหรัฐฯ อาจพลิกกลับไปสู่การสนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิลและถอนตัวจากข้อตกลงปารีสอีกครั้ง เช่นเดียวกับที่เขาเคยทำในสมัยที่เป็นประธานาธิบดีในปี 2016 ซึ่งการถอนตัวนั้นส่งผลกระทบอย่างมากต่อการเจรจาด้านสภาพภูมิอากาศของโลก

ความล่าช้าและความเสี่ยงต่อการเจรจา

มีคำเตือนว่าหากการเลือกตั้งสหรัฐฯ ยืดเยื้อหรือมีผลการเลือกตั้งที่ไม่แน่นอน ประเทศต่างๆ อาจต้องรอถึงเดือนพฤศจิกายนหรือแม้กระทั่งนานกว่านั้นก่อนที่จะสามารถสรุปข้อตกลงการเงินด้านสภาพภูมิอากาศใหม่ได้ นี่จะเป็นความเสี่ยงอย่างมาก เพราะหากไม่มีข้อตกลงที่ชัดเจนก่อนสิ้นปี อาจทำให้หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ที่ต้องพึ่งพาเงินทุนเหล่านี้ประสบปัญหาในการเตรียมความพร้อมต่อสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น

สหรัฐฯ ในฐานะตัวแปรสำคัญของการเจรจาสภาพภูมิอากาศ

การเลือกตั้งสหรัฐฯ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบต่อการเจรจาสภาพภูมิอากาศของโลก ประเทศต่างๆ กำลังเฝ้ารอดูว่าผู้นำคนใหม่จะมีท่าทีอย่างไรต่อการเงินด้านสภาพภูมิอากาศ เพราะไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร โลกยังคงเผชิญกับความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงมากขึ้น และการเงินสภาพภูมิอากาศถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการต่อสู้กับวิกฤตครั้งนี้