KEY
POINTS
การลงทุนให้ประสบผลสำเร็จ เริ่มจากความสามารถในการอ่านตลาดและเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคา หากเราเริ่มมองเห็นและเข้าใจจังหวะ โครงสร้างของตลาด เราจะสามารถกำหนดกลยุทธ์และปรับใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ และเหมาะสมกับตนเองได้
การเทรดแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก ได้แก่ การเทรดในช่วง Sideway หรือช่วงราคาที่เคลื่อนที่ในกรอบ และการเทรดตามแนวโน้ม (Trend Trading) ซึ่งอาศัยแนวโน้มหลักของตลาด ไม่ว่าเราจะเลือกเทรดตามแนวโน้มหรือสวนแนวโน้ม ไม่มีคำตอบสำเร็จรูปสำหรับวิธีที่ถูกหรือผิด สิ่งสำคัญคือการเข้าใจและเชื่อมั่นในกลยุทธ์ของเราเอง
การวางแผนเทรดและการอ่านแนวโน้ม
การวางแผนเทรดที่มีประสิทธิภาพเริ่มจากการเข้าใจสภาวะการเคลื่อนไหวของราคาและการใช้กรอบเวลา เราอาจเห็นภาพซ้อนกันของหลายแนวโน้ม แต่หากเราสามารถนิยามแนวโน้ม (Define Trend) ได้ชัดเจนด้วยตัวเอง เราก็จะสามารถเลือกแผนการเทรดที่สอดคล้องกับตัวเราได้อย่างมั่นใจ
เทรดเดอร์ระดับโลกหลายคนได้ให้หลักคิดที่สำคัญ เช่น
Paul Tudor Jones กล่าวถึงการเทรดตามแนวโน้มว่า “ให้เทรดตามแนวโน้มเท่านั้น ถ้าผิดทางให้ออกทันที แต่ถ้าถูกทางมีกำไรก็ให้ถือต่อไป”
Jesse Livermore ผู้เขียน How to Trade in Stocks แนะนำว่า “ตราบใดที่หุ้นของเรายังวิ่งขึ้นและมีกำไร อย่าเพิ่งรีบขาย ให้อดทนถืออย่างใจเย็น”
William O’Neil เจ้าของแนวคิด CANSLIM สอนว่า “จงตัดขาดทุนให้ไว แต่ขายทำกำไรให้ช้า”
Richard Dennis ผู้บุกเบิกการเทรดตามแนวโน้ม แนะนำว่า “เมื่อคุณมี Position ด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตาม คุณต้องถือมันไว้จนกว่าเหตุผลนั้นๆ จะไม่มีอีกต่อไป”
ด้วยกรอบความคิดจากเทรดเดอร์ระดับโลกเหล่านี้ ผมเลือกที่จะยึดมั่นในการเทรดตามแนวโน้ม ฝึกฝนและเรียนรู้แนวทางนี้อย่างลึกซึ้ง แม้ว่าจะมีพอร์ตสวิงระยะสั้น ก็ยังคงสวิงตามแนวโน้มเพื่อคงไว้ซึ่งทิศทางหลัก
ไม่จำเป็นต้องเริ่มจากเงินทุนมหาศาลก็สามารถลงทุนตามแนวโน้มได้ เพราะกรอบระยะเวลาของแนวโน้มมีหลายแบบ ทั้งระยะใหญ่ กลาง และเล็ก ซึ่งเราสามารถเรียนรู้และเลือกให้เหมาะสมกับขนาดเงินทุนของเรา
การบริหารพอร์ตการลงทุนอย่างเป็นระบบ
ผมใช้การแบ่งพอร์ต แยกมายเซ็ตออกเป็นพอร์ตระยะสั้น กลาง และยาว มีระบบและเงื่อนไขชัดเจนในการจัดการเพื่อสร้างกระแสเงินสดในพอร์ตเก็งกำไร ขณะเดียวกันก็ลงทุนในระยะยาว กระจายน้ำหนักการลงทุนตามความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่แตกต่างกัน
การลงทุนอย่างมีเป้าหมายและเข้าใจตนเอง
เมื่อเราเข้าใจตั้งแต่เริ่มต้น เราสามารถวางแผนการลงทุนได้อย่างเป็นระบบและไม่หลงทาง เรารู้ว่าทำไปเพื่ออะไรและเป้าหมายสุดท้ายคืออะไร
แต่ที่สำคัญที่สุดคือการรู้ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับตลาด แต่เรากำลังต่อสู้กับสิ่งที่อยู่ภายในตัวเราเอง – จิตใจ ความโลภ ความกลัว และความเชื่อ ที่อาจขัดขวางเราไม่ให้ไปถึงเป้าหมาย