ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.

26 ส.ค. 2566 | 00:45 น.

ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ. คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

ถัดมาโดยต่อเนื่องจากฉบับก่อนๆ ที่เกริ่นนำมาด้วยเรื่อง อักษร และรหัส ซึ่งมีใช้มาโดยทางการและลำลองในราชสำนักสมัยก่อน มาตอนนี้ก็ต้องขออนุญาตอัญเชิญเอาคาถาสำคัญ ซึ่งท่านระบุเปนตัวอักษรย่อ ประจำเครื่องราชย์อิสริยาภรณ์ตระกูลเอก ตระกูลหนึ่งเอาไว้เปนอักขระ ๗ ตัว ว่า “ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ.”
 
เปนคาถา หรือ คติพจน์ประจำเครื่องราชย์อิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า The Most Illustrious Order of Chula Chom Klao
 
อันเครื่องราชย์อิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้านี้ โบราณถือกันนักว่า เปนเครื่องราชย์ตระกูลที่ ‘มิบังควร’ไปขอรับพระราชทาน


 

ในขณะที่เครื่องราชอิสริยาภรณ์ในทางราชการแผ่นดินตระกูลต่างๆ เช่น เครื่องช้างเผือก_สีแดง เครื่องมงกุฎไทย_สีน้ำเงิน เครื่องดิเรกคุณาภรณ์_สีเขียว นั้น เมื่อทางคณะรัฐมนตรีเห็นว่าผู้ใดสมควรหรือปฏิบัติตรงตามหลักเกณฑ์กำหนดแล้ว ก็จะทำเรื่องกราบบังคมทูลพระกรุณาฯขอรับพระราชทานขึ้นไปเพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยพระราชทานลงมา ถือเปนบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดินของท่านผู้ได้รับ 

อย่างไรก็ดี ยังมีเครื่องราชอิสริยาภรณ์อีกตระกูลหนึ่ง ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า_สีชมพู จะมีพระมหากรุณาพระราชทานลงมาเอง ภาษาหักหาญว่า ‘ห้าม’ แต่ภาษาทางการในเวลานั้นท่านใช้ให้เหมาะกว่าว่า ‘มิบังควร’ คือมิบังควรไปขอรับพระราชทาน ด้วยเปนที่จะทรงมีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาเอง ทั่วไปแล้วจะมีพระบรมราชวินิจฉัยลงมาก่อนวันฉัตรมงคลไม่นาน
 
ตราจุลจอมเกล้ามีหลายชั้น สูงมากๆชื่อ ปฐมจุลจอมเกล้าวิเศษ ลดหลั่นลงมา เปนปฐมจุลจอมเกล้า เปนทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ เปนทุติยจุลจอมเกล้า ไปจนตติยจุลจอมเกล้า ตติยานุจุลจอมเกล้า สำหรับบุรุษ ส่วนสำหรับสตรี มีไปถึง จตุตถจุลจอมเกล้า

คติประจำเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตระกูลนี้มีว่า ร. จ. บ. ต. ว. ห. จ. ย่อมาจาก_เราจะบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ_
   
เปนพระราชปณิธานของพระองค์ท่านผู้พระราชทานกำเนิดเครื่องราชฯตระกูลนี้ที่ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชย์จุลจอมเกล้า
 
กล่าวคือ ผู้ใดโดยเฉพาะผู้ชาย เมื่อรับพระราชทานตราจุลจอมเกล้านี้แล้ว จะมีพระมหากรุณาพระราขทานตราจุลจอมเกล้าสืบตระกูลบุรุษผู้นั้นต่อไปยังทายาทคนใหญ่ที่เปนชาย ยามเมื่อบิดาวายชนม์ลงโดยลงชั้นลงไปเปนขั้นๆ เว้นแต่ผู้ถือตรานี้ชั้นสูงมากๆไม่ต้องรอท่านบิดาวายชนม์ ทายาทสามารถเข้ารับพระราชทานตราสืบตระกูลได้ก่อน
 
เรื่องลึกๆแต่โบราณเหตุที่มีพระมหากรุณาชุบเลี้ยงประดาทายาทท่านผู้ใหญ่ที่ได้รับพระราชทานชั้นตราสำคัญนี้นั้น ฟังจากท่านผู้ทรงภูมิในรัชกาลก่อนท่านรำพึงให้ฟังว่า
 
“การสืบตระกูลบิดา” นี่เปนเรื่องใหญ่ในงานการราชการสมัยก่อน พอจะสรุปสังเขปได้ว่า เปนที่รู้กันอยู่ว่าอันบุรุษนั้นไม่เคยตาย ทว่ามองไปทีไรจะเห็นปวงเขาลางๆ..อยู่ในเหล่าบุตรชายแห่งพวกเขา


 
พระพุทธเจ้าหลวงทรงพระกรุณาสร้าง/สถาปนาตราจุลจอมเกล้าเปนบำเหน็จความชอบ ‘ในองค์พระมหากษัตริย์’ ต่างจากเครื่องราชย์สำรับอื่น ที่พระราชทานเปนบำเหน็จความชอบ ‘ในราชการแผ่นดิน’ ที่ว่า ร.จ.บ.ต.ว.ห.จ. นั้น
 
หมายว่าสืบไปเมื่อหน้า แม้ประดาบิดาที่ทำราชการถวายจะสิ้นชีพกราบถวายบังคมลาไปประดาทายาท
มีอย่างไรจะทรงดูแลบำรุงเลี้ยงให้ ด้วยในบริบทยุคนั้น อันโบราณนานมาประดาหม่อมเจ้าย่อมรับความอบรมใน สำนักของบิดา บิดาชั้นพระองค์เจ้าทำราชการอย่างไร หม่อมเจ้าในกรมที่บิดาทรงอยู่นั้นก็ศึกษาวิชาการอย่างนั้น องค์ไหนมีปรีชาได้ดีในวิชา ถึงที่ถึงเวลาก็ได้รับตำแหน่งราชการแทนพระบิดา ด้วยวิชาบางอย่างเคล็ดทางลึกเร้นเขาสงวนไว้ไม่สอนคนนอกสกุล 
 
ตัวอย่างเช่น กรมหมื่นณรงค์หริรักษ์ ท่านบัญชาการกรมช่างหล่อ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการก็หัดวิชาช่างหล่อ มาแต่ยังเยาว์ เปนหม่อมเจ้า ก็ได้เปน ผบ.ช่างทั้งสิบหมู่ต่อมา ตรงตามภาษาชาวบ้านว่า สืบวิชาพ่อ
 
กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ ท่านบัญชาการกรมม้า พระองค์เจ้าสิงหนาทราชดุรงค์ ก็ ฝึกหัดอัศวกรรมมาแต่ทรงเปนหม่อมเจ้าแล้ว กรมหลวงวงศาธิราชสนิททรงชำนาญวิชาแพทย์ได้บัญชาการกรมหมอ ทรงฝึกหัดโอรส_พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ให้เปนแพทย์ ต่อมาก็ได้บัญชาการกรมหมอ สมเด็จกรมพระยาบำราบปรปักษ์ทรงบัญชา การกรมช้าง กรมหมื่นปราบปรปักษ์ก็ได้เรียนวิชาคชกรรมมาแต่ยังเปนหม่อมเจ้า เคยตรัสเล่าว่าเมื่อรุ่นหนุ่มเช้า ๆ เคยไปรับอาสาเขาขี่ช้างลงน้ำเสมอ ภายหลังมาท่านก็ได้บัญชาการกรมช้าง
 
ดังนี้ท่านมีคำเฉพาะ เรียกว่า บุตรนั้น “มีอุปนิสสัยเปนอนุชาต” 
 
ดังนั้นการจะสืบสกุลดวงตรา จึงมีนัยยะมิใช่ด้วยเหตุว่าเปนทายาทอย่างเดียว แต่เปนด้วยทายาทนั้นมักมี อุปนิสสัยเปน ‘อนุชาต’ รับทอดสืบวิชาพ่อได้อีกด้วย
 
ดวงตราจุลจอมเกล้านี้หากผู้รับพระราชทานเปนฝ่ายใน-สตรี  ก็ขนานนามผู้นั้นว่า คุณหญิง/ท่านผู้หญิงตามลำดับชั้นเครื่องราชฯ 
 
รัชกาลก่อนๆหากยังมิได้สมรส ขนานนาม_คุณ นำหน้า  ดวงตราชั้นต้นๆนี้ หากผู้รับพระราชทานเปนราชตระกูลมีฐานันดรหม่อมหลวงหญิงนำหน้า ให้ขนานนามว่าคุณหญิงโดยไม่ต้องระบุฐานันดรหม่อมหลวงอีก ส่วนชั้นสูงขึ้น หากเปนราชตระกูลมีฐานันดรหม่อมราชวงศ์หญิงนำหน้า ให้ขนานนามว่าท่านผู้หญิงโดยไม่ต้องระบุฐานันดรอีกเช่นกัน
 
หากพระราชทานแก่ฝ่ายหน้า_บุรุษ ไม่เปลี่ยนคำขนานนามเครื่องประกอบเกียรติยศสำหรับเครื่องราชฯ
ตระกูลนี้ ฝ่ายในมีเปนหีบอย่างหีบหมากทองชั้นต่างๆกันไป ฝ่ายหน้ามีตั้งแต่หมวกยอดเส้า, ดาบฝัก, พานทอง, โต๊ะทอง ตามชั้นลำดับ 
 
อนึ่ง สมควรระบุไว้ในที่นี้ว่า ที่ว่าโต๊ะทองนั้นมิใช่ว่าโต๊ะอย่าง_tabl , โต๊ะนี้เปนคำเก่าหมายถึงพานที่ไม่มีขอบ พานต้องมีขอบสูง อย่างพานที่อยู่บนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ตรงถนนราชดำเนิน ป.ล. พาน (มีขอบ)นี้ถ้าซ้อนกันสองชั้นเรียกพานแว่นฟ้า


 
ผู้ใดรับพระราชทานตรานี้ได้เครื่องยศประกอบเปนโต๊ะทอง เรียกกันอย่างลำลองล้อสมัยโบราณว่าพระยาโต๊ะทอง
 
ผู้ใดรับพระราชทานตรานี้ได้เครื่องยศประกอบเปนพานทอง เรียก กันอย่างลำลองล้อสมัยโบราณว่าพระยาพานทอง ซึ่งชั้นพานทองมีลำดับสูงกว่า
 
ทั้งนี้คนหลวงประเภทว่าใช้ภาษาฝรั่ง นิยมเรียกเครื่องตระกูลนี้ หรือ ผู้ได้รับพระราชทานเปนรหัส ว่า cherry pink อาจจะเปนด้วยศิลปะการสร้างสรรค์งานดวงตรานี้นอกจากแพรเเถบสีชมพูแบบ masculine pink งามงดแล้ว ดวงดาราที่ประดิษฐานพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้นมีฉากเข้มดำเงาวาว แลคล้ายผลไม้มงคลอย่างเชอร์รี่ฝรั่งก็เปนได้ 
 
สมาคมของท่านเหล่านี้มีแบบธรรมเนียมว่าทุกวันฉัตรมงคลจะต้องไปถวายบังคมตั้งเครื่องสักการะบูรพกษัตริย์เจ้า ณ ปราสาทพระเทพบิดร ในพระบรมมหาราชวัง เพื่อสำนึกและระลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงบำรุงตระกูลวงศ์ให้เจริญ
 
อนึ่งว่าตามวัดวาอารามหลวง หากสังเกตดีๆก็อาจพบศิลปะอันเนื่องมาจากดวงตราจุลจอมเกล้าจำหลักอยู่ เช่น ที่หน้าบันพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ มีตรา ร จ บ ต ว ห จ ประกอบสายสร้อย พระมหาปรมาภิไธย จจจ - จุฬาลงกรณ์จุลจอมเกล้า ของเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ ประดิษฐานอยู่ ที่บานหน้าต่างพระอุโบสถ วัดราชบพิตรก็เช่นกัน

นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 หน้า 18 ฉบับที่ 3,917 วันที่ 27 - 30 สิงหาคม พ.ศ. 2566