KGI โชว์กำไรปี 59 โต 74% จ่ายปันผล 0.38 บาท/หุ้น

23 ก.พ. 2560 | 05:20 น.
อัพเดตล่าสุด :23 ก.พ. 2560 | 12:16 น.
KGI แจ้งผลประกอบการปี 59  มีกำไรสุทธิ 1,022 ล้านบาท พุ่งจากงวดเดียวกันของปีก่อนกว่าร้อยละ 74 จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 52,526 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ทั้งยังได้แรงสนับสนุนจากธุรกิจตราสารอนุพันธ์ มาร์เก็ตแชร์ TFEX อันดับหนึ่งสี่ปีซ้อน ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผล 0.38 บาทต่อหุ้น ตอบแทนผู้ถือหุ้น

ดร.จื้อ–หง หลิน กรรมการอำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KGI เปิดเผยว่าบริษัทฯ มีผลประกอบการปี 2559  มีรายได้รวมของบริษัทและบริษัทย่อยอยู่ที่ 3,246 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2558 ที่มีรายได้รวม 2,482 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 1,022 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดปี 2558 ที่มีกำไร 587 ล้านบาท พุ่งกว่าร้อยละ 74

โดยปี 2559 รายได้ที่เพิ่มขึ้นสัดส่วนหลักมาจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์จำนวน 1,085 ล้านบาท รายได้ค่าธรรมเนียมและการบริการจำนวน 629 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจตราสารอนุพันธ์เติบโตอย่างโดดเด่นโดยมีกำไรจากเงินลงทุนและตราสารอนุพันธ์ 1,165 ล้านบาท โดยภาพรวมบริษัทฯ มีผลกำไรจากการดำเนินงานที่ดี กำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2559 เมื่อเทียบกับปี  2558 เนื่องจากมูลค่าการซื้อขายของตลาดเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 52,526 ล้านบาท สูงกว่าปี 2558 ที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 44,302 ล้านบาท ประกอบกับรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้นจากธุรกิจตราสารหนี้ ธุรกิจการจัดการกองทุนรวม และการเป็นนายทะเบียนจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม วรรณ จำกัด  ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ขณะที่ธุรกิจด้านตราสารอนุพันธ์ได้พัฒนาผลิตภัณฑ์และเครื่องมือในการลงทุนที่ทันสมัย และจัดโครงการอบรมให้ความรู้แก่นักลงทุนและผู้สนใจอยู่เสมอ ส่งผลให้รายได้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.38 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 18 เมษายน 2560 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 9 พฤษภาคม 2560

“ปี 2559 เป็นปีที่ KGI มีผลประกอบการดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา จากภาวะโดยรวมของตลาดหลักทรัพย์ ผนวกกับธุรกิจด้านตราสารอนุพันธ์เติบโตอย่างมีนัยสำคัญสามารถครองส่วนแบ่งตลาด TFEX อันดับหนึ่งสี่ปีซ้อน และธุรกิจตราสารหนี้ รวมไปถึง บลจ.วรรณสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2558 คาดว่าในปี 2560 ธุรกิจในส่วนต่าง ๆ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากนโยบายของบริษัทที่สนับสนุนทุกธุรกิจ ไม่เน้นพึ่งพารายได้จากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง  ตั้งเป้ามายเป็น บล. ชั้นนำให้บริการด้านการลงทุนครบวงจร ที่มีเครื่องมือและเทคโนโลยีการลงทุนที่ทันสมัย อำนวยความสะดวก และตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน” ดร.จื้อ–หง หลิน กล่าว