"ผู้นำแก่" สะเทือนเศรษฐกิจ ? ทำไมสหรัฐฯ กังวลอายุ “ไบเดน-ทรัมป์"

10 ก.ค. 2567 | 13:00 น.

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใกล้เข้ามาทุกที เเต่หนึ่งในประเด็นที่กำลังถูกถกเถียงในสหรัฐฯ ก็คือ ผลกระทบของอายุผู้นำประเทศต่อเศรษฐกิจหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีอายุมากด้วยกันทั้งคู่

ช่วงหลายปีที่ผ่านมา แนวโน้มของผู้นำประเทศที่มีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจอย่างมากต่อโลก คำถามที่น่าสนใจคือ อายุของผู้นำส่งผลต่อการบริหารเศรษฐกิจอย่างไร

สหรัฐฯ เป็นผู้กุม GDP โลก ประมาณ 25% โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะเกิดขึ้นในเดือน พ.ย. 2567 เป็นการแข่งขันระหว่าง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนและอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีความเคลื่อนไหวที่ดุเดือดขึ้นเรื่อย ๆ เเละทั้งคู่ก็เป็นผู้สมัครที่อายุมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

โจ ไบเดน อายุ 81 ปี ถ้าชนะเลือกตั้ง เขาจะมีอายุ 82 ปี ขณะสาบานตนรับตำแหน่ง และจะมีอายุ 86 ปี ในปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง ขณะที่โดนัล ทรัมป์ อายุ 78 ปี ถ้าชนะเลือกตั้ง เขาจะมีอายุ 78 ปี ขณะสาบานตนรับตำแหน่ง และจะอายุ 82 ปี ในปีสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง

\"ผู้นำแก่\" สะเทือนเศรษฐกิจ ? ทำไมสหรัฐฯ กังวลอายุ “ไบเดน-ทรัมป์\"

โจ ไบเดน ถูกโจมตีในประเด็นอายุมากกว่า โดนัล ทรัมป์ สะท้อนได้จากการดีเบตครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ปลายมิถุนายนที่ผ่านมา เเต่ทั้งคู่ไม่ได้ทำให้เห็นความแตกต่างในนโยบายเศรษฐกิจ แต่สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นอายุของผู้นำที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนในการบริหารประเทศมากกว่า 

โจ ไบเดน พยายามเสนอวิสัยทัศน์ทางเศรษฐกิจที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาด แต่บางครั้งดูสับสนกับตัวเลขและรายละเอียด ซึ่งถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีว่าเป็นผลจากอายุที่มากขึ้น ทำให้ผู้สังเกตการณ์บางคนกังวล

ดีเบตครั้งแรก "ไบเดน-ทรัมป์" คู่ชิงผู้นำสหรัฐฯ เครดิตภาพ : reuters

ส่วนทรัมป์ก็นำเสนอในการนำเสนอนโยบาย "America First" และการลดภาษี ด้วยความมั่นใจ แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าขาดความเข้าใจในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก

ประเด็นสำคัญที่ถูกยกขึ้นมาในการดีเบตคือความสามารถในการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเทคโนโลยี AI และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งทั้งสองฝ่ายพยายามแสดงให้เห็นว่า เข้าใจและรับมือได้

ก่อนการดีเบตมีผลสำรวจที่น่าสนใจ ผู้ตอบเเบบสอบถาม 78 คนจาก 100 คน พบว่า โจ ไบเดน แก่เกินไปที่จะเป็นประธานาธิบดี และที่น่าตกใจกว่านั้น 71% ของสมาชิกพรรคเดโมแครตก็คิดเหมือนกัน เเละบรรดาสมาชิกพรรคเดโมแครตก็มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนยุติการเสนอตัวลงสมัครรับเลือกตั้งอีกสมัย เเละกังวลว่า ไบเดนจะทำได้ดีพอหรือไม่ในการดีเบตครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึงในเดือนกันยายนนี้ ส่วนโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ไม่ได้เเตกต่างกันมากนัก 53 คนจาก 100 คน บอกว่าแก่เกินไปเช่นกัน  

จะเห็นว่าทั้งสองคน ต่างเผชิญคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี โดยเฉพาะในแง่ของการบริหารเศรษฐกิจที่ซับซ้อนในปัจจุบัน ฐานเศรษฐกิจพูดคุยกับ "รศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร" ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคง และการต่างประเทศ ในประเด็น อายุของผู้นำมีผลต่อการบริหารเเละความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจอย่างไร คำตอบก็คือ ความหลากหลายทางอายุของการเป็นผู้นำ ไม่ใช่ข้อจำกัดที่ตายตัวเสมอไป ในยุโรปจะเห็นผู้นำทั้งอายุมากและอายุน้อย แสดงถึงความหลากหลาย เเต่ในสหรัฐฯ โครงสร้างทางการเมืองอาจเอื้อให้ผู้นำอายุมากมีบทบาทสูงกว่า

แม้ว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขก็จริง เเละอาจจะไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับการทำงานในตำแหน่งทั่วๆ ไป แต่ในตำแหน่งที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบอันใหญ่หลวงอย่างผู้นำประเทศ หรือผู้ที่มีอำนาจบัญญัติกฎหมาย จะมีผลในเชิงจิตวิทยาทันที ถ้าอายุสูงกว่า 70 ปี

"กรณีของ โจ ไบเดน เเม้จะมีทีมบริหารที่มีอายุน้อยเข้ามาช่วย เเต่ก็ทำให้เกิดความกังวลของคนในประเทศก็อาจรวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน"

นักลงทุนอาจกังวลเรื่องสุขภาพและความต่อเนื่องในการบริหารประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุน ตลาดหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยนอาจผันผวนเมื่อมีข่าวเกี่ยวกับสุขภาพของผู้นำ ความสามารถในการเข้าใจและปรับใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจยุคดิจิทัล 

การเจรจาระหว่างประเทศ เเม้ว่าผู้นำอายุมากจะมีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญในการเจรจา และเครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่แน่นแฟ้น เเต่ความกังวลเรื่องสุขภาพอาจส่งผลต่อการเจรจาข้อตกลงระยะยาว

นโยบายของผู้นำอาวุโสมีหลายมุมมอง มุมมองที่กังวล บางคนเชื่อว่าผู้นำอายุมากๆ อาจเน้นผลลัพธ์ระยะสั้นเพื่อสร้างผลงานในวาระของตน อาจมีแรงกดดันให้แสดงผลงานเร็วเนื่องจากข้อจำกัดด้านอายุและสุขภาพ มุมมองที่เป็นบวก ผู้นำอาวุโสมีประสบการณ์ในการวางแผนเศรษฐกิจระยะยาว อาจมีวิสัยทัศน์กว้างไกลจากประสบการณ์ด้านเศรษฐกิจมายาวนาน

ด้านนักวิจัยด้านผู้สูงอายุในต่างประเทศชี้ว่า อายุไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ความสามารถที่แท้จริง บางคนอายุ 90 ยังมีสติปัญญาเฉียบแหลม อย่างเช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ ในขณะที่บางคนอายุ 70 ปี กว่าอาจมีสมรรถภาพลดลงแล้ว

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เครดิตภาพ reuters

อายุเฉลี่ยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะอยู่ที่ 55 ปี

ผลสำรวจล่าสุดของสำนักวิจัยพิว ด้วยคำถามว่าอายุที่เหมาะสมสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่มักตอบว่าอายุที่เหมาะสมคือ 50 ปีและในอดีตประธานาธิบดีส่วนใหญ่จะมีอายุ 50 ปีเมื่อเข้ารับตำแหน่ง

อายุเฉลี่ยของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทุกคนในวันเข้ารับตำแหน่งครั้งแรกคือ 55 ปี โดยคนที่อายุน้อยที่สุดคือ ธีโอดอร์ รูสเวลต์ ซึ่งมีอายุ 42 ปีเมื่อเข้ารับตำแหน่งครั้งแรกในปี 1901 ส่วนคนที่อายุมากที่สุดคือ โจ ไบเดน มีอายุ 78 ปีเมื่อเข้ารับตำแหน่งในปี 2021

เมื่อมองไปทั่วโลกจะเห็นว่าหลายประเทศก็มีผู้นำที่มีอายุมาก ในขณะที่บางประเทศเลือกผู้นำรุ่นใหม่ ซึ่งแต่ละกรณีก็มีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป หลายประเทศมีแนวโน้มที่ผู้นำมีอายุมากขึ้น เหตุผลอาจเป็นเพราะประชากรโดยรวมมีอายุยืนขึ้น และคนรุ่นเก่ามีประสบการณ์ทางการเมืองมากกว่า เเต่ก็มีกระแสเรียกร้องให้มีผู้นำรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศเช่นกัน

เครดิตภาพ : reuters