ในขณะที่ประชาชนกว่า 30 ล้านคนรอคอยการแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 อย่างใจจดใจจ่อ ล่าสุดมีความเคลื่อนไหวสำคัญที่อาจทำให้หลายคนต้องผิดหวัง เมื่อรัฐบาลส่งสัญญาณว่าโครงการดังกล่าวอาจถูกยกเลิกหรือเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
ล่าสุด 13 กันยายน 2567 นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า ขอดำเนินโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 1 ให้แก่กลุ่มเปราะบางจำนวน 14.5 ล้านคนให้เสร็จก่อน ส่วนเฟส 2 คงไม่สามารถดำเนินการภายในภายในปี 2567
ขณะที่ก่อนหน้านี้นายพิชัยได้ชี้แจงในระหว่างการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เมื่อวันที่ 12 ก.ย.2567 ตอนหนึ่งเกี่ยวกับโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในเฟสที่ 2 ว่า จะต้องดูความต่อเนื่องอีก 2-3 เรื่อง ว่าอันไหนดีที่สุด ส่วนจะได้ไตรมาสไหน จะต้องขอดูหลังจากนี้ก่อน
ส่วนจะเป็นการแบ่งจ่ายอีกหรือไม่ ต้องดูหลายปัจจัยในความพร้อมทุก ๆ อย่าง รวมถึงความพร้อมของช่องทางการจ่ายด้วยเบื้องหลังของโครงการดิจิทัลอลเล็ต คือ การผลักดันเรื่องดิจิทัลแพลตฟอร์มสำหรับประชาชน ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อไป
อย่างไรก็ดี ในเฟสที่ 2 เนื่องจากรัฐบาลมีงบประมาณที่จำกัด อยากให้ความสำคัญของการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะงบกลางกับการปรับปรุงโครงสร้างที่เป็นจุดอ่อนแอของประเทศก่อน เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะปานกลางและระยะยาว ถ้ามีเงินเหลือที่พอจะได้ก็จะเจียดมาสู่เฟส 2 ซึ่งเป็นการจัดลำดับความสำคัญที่ต่ำลงมา
หากถอดรหัสคำพูดของ “พิชัย ชุณหวชิระ” นั่นหมายความว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนแอปทางรัฐ จำนวน 30 ล้านคน อาจหมดสิทธิได้รับเงินดิจิทัล 10,000 เหตุสถานการณ์และปัจจัยเศรษฐกิจได้เปลี่ยนแปลงไป
รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าจะแจกเงินดิจิทัลเฟส 1 เป็นเงินสด 10,000 บาท ให้กับกลุ่มเปราะบาง ซึ่งประกอบด้วย กลุ่มผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย และ กลุ่มคนพิการ จำนวนรวม 14.5 ล้านราย ในวันที่ 25 – 26 กันยายน 2567 ผ่านพร้อมเพย์ผ่านบัตรประชาชน โดยใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 จำนวน 1.45 แสนล้านบาท
หากดูจากเป้าหมายโครงการช่วงแรกรัฐบาลได้กำหนดให้มีการลงทะเบียนประชาชนทั่วไป ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม - 15 กันยายน 2567 ผ่านแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” บนสมาร์ทโฟน โดยไม่มีการจำกัดจำนวนประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิ์ในโครงการฯ โดยรัฐบาลได้ประมาณการผู้ได้รับสิทธิไว้จำนวน 45 ล้านคน
เมื่อหักกลุ่มเปราะที่จะได้รับเงินจิจิทัลกลุ่มแรกที่เป็นกลุ่มเปราะบางที่จะได้รับสิทธิจำนวน 14.5 ล้านรายออก จะเหลือประชาชนทั่วไปที่รอรับสิทธิอีกประมาณ 30 ล้านคน ซึ่งจะใช้งบประมาณอีก 3 แสนล้านบาท
แต่งบประมาณที่มีอยู่ในมือจริงๆจะมีแค่ งบปี 2568 รายการค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน 187,700 ล้านบาท เพราะยังไม่สามารถเกลี่ยงบประมาณจากส่วนอื่นมาใช้ดำเนินโครงการได้ จึงสามารถนำมาแจกในเฟส 2 ได้คนละ 5,000 บาทเท่านั้น
แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า กระทรวงการคลังได้เตรียมแผนสำรองกรณีงบประมาณไม่เพียงพอสำหรับการแจกเงินดิจิทัลเฟส 2 ให้แก่ประชาชน 30 ล้านคนไว้แล้วว่าจะดำเนินการอย่างไร หรือ จะนำไปจัดทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบไหน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ต้องรอความชัดเจนด้านนโยบายจากรัฐบาลก่อนว่าจะทำอย่างไรกับปัญหาที่เกิดขึ้น
ด้านนายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเดินหน้า เฟส 2 ขึ้นอยู่กับการเชื่อมระบบ ซึ่งเมื่อจ่ายเงินให้กลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน เฟสแรกแล้ว แรงกดดันก็จะลดลง และเราจะมีเวลาในการทำระบบให้ดีขึ้น ลดข้อกังวลในการใช้งาน สร้างความมั่นใจให้กับประชาชนด้วย”
ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้สำหรับดำเนินการเฟส 2 รัฐบาลได้ตั้งงบประมาณในปีงบ 2568 จำนวน 1.8 แสนล้านบาทแล้ว
อย่างไรก็ดี ขึ้นอยู่กับการจัดสรรหลังจากแบ่งจำนวนผู้ที่มาลงทะเบียนในระบบไว้ 32 ล้านคน เมื่อหักกลุ่มผู้พิการ และผู้รับสิทธิสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ดำเนินการเฟสแรกแล้ว จะเหลือกี่คน และจะจัดสรรการจ่ายเงินอย่างไร
ส่วนจะแบ่งโอนเงินครั้งละ 5,000 บาท หรือก้อนเดียว 10,000 บาทนั้น ยังไม่สามารถระบุได้ ต้องดูรายละเอียดอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ล้มการจ่ายเงินดิจิทัล วอลเล็ต ให้กับกลุ่มทั่วไป
15 กันยายน 2567 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การประกาศผลการลงทะเบียนผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน ดิจิตอลวอลเล็ต ผ่านช่องทางแอปพลิเคชัน ทางรัฐ จะเลื่อนออกไปก่อน จากกำหนดการเดิมในวันที่ 22 ก.ย.เป็นต้นไป
หากโครงการเงินดิจิทัลเฟส 2 ถูกยกเลิกจริง ประชาชนกว่า 30 ล้านคนที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชัน "ทางรัฐ" อาจต้องผิดหวังและไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ 10,000 บาทตามที่คาดหวังไว้
แม้ว่าโครงการเงินดิจิทัลเฟส 1 สำหรับกลุ่มเปราะบางจะยังคงดำเนินต่อไป แต่อนาคตของเงินดิจิทัลเฟส 2 ยังไม่แน่นอน ประชาชนควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด.