8 กรกฎาคม 2567 นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายการเมืองเปิดเผย กรณีกลุ่ม อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ได้รวมตัวกันคัดค้านร่าง พ.ร.บ. อสม.ที่กำหนดให้อสม.พ้นสภาพเมื่ออายุครบ 70 ปีโดยประกาศจะไปยื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ในวันนี้ (8 ก.ค.67)ว่า
กระทรวง สธ.พร้อมรับฟังความเห็นของ อสม.กลุ่มนี้ รวมทั้ง อสม.จากที่อื่น ๆ และสาธารณชนที่มีส่วนได้ส่วนเสียเพราะระหว่างนี้ตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาถึงวันที่ 11 กรกฎาคม กระทรวง สธ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ซึ่งมีอยู่หลายประเด็น รวมทั้งจัดประชาพิจารณ์ 4 ภาค
จากนั้นจะได้ประมวลสรุปความเห็นนำไปประกอบการพิจารณาก่อนจะปรับแก้ให้เหมาะสม จากนั้นจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาความถูกต้อง และเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
นางสาวตรีชฎา กล่าวว่า ในร่างพ.ร.บ.อสม. มีรายละเอียดว่า คนที่เป็น อสม.มาก่อนที่กฎหมายนี้ใช้บังคับจะไม่เสียสิทธิใด ๆ ทั้งอายุและสิทธิ์อื่นทุกประการแต่เมื่อกฎหมายประกาศใช้ไปแล้ว 1 ปี ให้อสม.ที่เป็นอยู่เดิมต้องมาแจ้งขึ้นทะเบียนภายใน 1 ปี
หากพ้นกำหนดเวลาให้ถือว่า พ้นสภาพจากการเป็น อสม. ซึ่งจะอยู่ในบทเฉพาะกาล เป็นการจัดสารบบ อสม.ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางทะเบียนที่มีความชัดเจน ทั้งการขึ้นทะเบียน การย้ายทะเบียน และลบชื่อออกจากทะเบียน
อย่างไรก็ตาม ร่าง พ.ร.บ.อสม เรื่อง การพ้นสภาพการเป็น อสม ที่กำหนดให้พ้นสภาพการเป็น อสม. เมื่อครบ 70 จะใช้กับอสม.ที่สมัครใหม่หลัง พ.ร.บ. นี้ใช้บังคับ (ไม่ใช้หลักเกณฑ์นี่กับ อสม. เดิม) และ อสม. ใหม่ที่สมัครเมื่ออายุ ครบ 70 ปีจะได้เป็น อสม. อื่น ตามที่ รมต. กำหนด เช่น เป็น อสม. กิตติมศักดิ์ จะเสียสิทธิ เฉพาะค่าป่วยการ 2000 บาท นอกนั้นให้มีสิทธิคงเดิมโดยจะมีออกเป็นกฎหมายลูกเพิ่มเติมภายหลังในเรื่องนี้
"การออกพ.ร.บ.อสม. ท่านรัฐมนตรี (สมศักดิ์ เทพสุทิน) มีเจตนาต้องการสร้างความมั่นคงและยั่งยืนสำหรับพี่น้องอสม.ตลอดชีวิตเพราะเห็นการทำงานที่เสียสละของพี่น้อง อสม.จึงเป็นที่มาในการออกกฎหมายฉบับนี้ ขอให้พี่น้องอสม.สบายใจได้
กระทรวงสาธารณสุขเข้าใจข้อเรียกร้องของกลุ่ม อสม. ที่ออกมาเคลื่อนไหว แต่การที่กำหนดอายุ 70 ปีก็เป็นเรื่องปกติของการออกกฎหมาย ที่จะต้องพิจารณาในหลายมิติประกอบกันจึงขอทำความเข้าใจไปถึงพี่น้อง อสม.ทั้งประเทศ จึงอยากให้พี่น้องอสม.และปชช.ร่วมแสดงความคิดเห็นประชาพิจารณ์ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขจัดทำซึ่งจะหมดเขตในวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคมนี้