วันนี้ (23 กรกฎาคม 2567) นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง (ฉบับที่...) พ.ศ. ... หลังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณาแล้ว เพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของรัฐวิสาหกิจ มีความโปร่งใสมากขึ้น
สำหรับร่างกฎกระทรวงฯ ฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมกฎกระทรวงกำหนดกรณีการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง พ.ศ. 2561 เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุโดยวิธีเฉพาะเจาะจง กรณีการจัดซื้อจัดจ้างจากรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน
โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของหน่วยงานของรัฐในรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานของรัฐเดียวกัน จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่น้อยกว่า 25% ของทุนทั้งหมด เป็นไม่น้อยกว่า 50% ของทุนทั้งหมด
ทั้งนี้การแก้ไขร่างกฎกระทรวงดังกล่า วเพื่อให้การดำเนินการเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างพัสดุของหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ จากรัฐวิสาหกิจหรือบริษัทที่เป็นนิติบุคคลในเครือของหน่วยงานเดียวกันมีความโปร่งใสมากขึ้น
เนื่องจากปัจจุบันมีรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐบางแห่งไปจัดตั้งหรือไปถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจหรือนิติบุคคลต่างๆ แล้วเลือกจัดซื้อจัดจ้างกับบริษัทที่ตนจัดตั้งขึ้นหรือถือหุ้นอยู่โดยใช้วิธีเฉพาะเจาะจง เพื่อที่จะไม่ต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการประกาศเชิญชวนทั่วไป หรือวิธีการคัดเลือก ตามที่กำหนดใน พ.ร.บ. การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
อย่างไรก็ตามเมื่อแก้ไขกฎหมายแล้วจะช่วยลดช่องว่างทางกฎหมายเพื่อจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีเฉพาะเจาะจงกับรัฐวิสาหกิจที่ถือหุ้นอยู่หรือกับนิติบุคคลที่เป็นบริษัทในเครือ อันจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการภายนอกเข้าแข่งขันได้ด้วย ประกอบกับคณะกรรมการวินิจฉัยปัญหาการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐเห็นชอบด้วยแล้ว