สมรภูมิตะวันออกกลางสะเทือนไทย-เงินบาทแข็งค่า ทำต้นทุนขนส่งพุ่ง

25 ก.ย. 2567 | 07:30 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2567 | 07:45 น.

สงครามตะวันออกกลางยังสะเทือนเส้นทางขนส่งทะเลแดง ประเทศในแถบเอเชียต้องใช้เส้นทางแหลม Good Hope ของแอฟริกาใต้ ทำค่าขนผู้ประกอบการไทยสูง 2 เท่า ทั้งเงินบาทแข็งค่ากระทบยังต้นทุนเพิ่ม ขณะที่ออเดอร์ใหม่ชะลอตัว

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และนายกสมาคมการค้าอาหารอนาคตไทย กล่าวในงานสัมมนา อนาคตประเทศไทย เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า จากสถานการณ์สงครามตะวันออกกลางในขณะนี้ ยังไม่มีรายงานผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจเพิ่มเติม โดยสินค้าที่จะส่งออกจากประเทศในเอเชียรวมถึงประเทศไทยเพื่อไปยุโรปยังคงได้รับผลกระทบอยู่แล้วมาตั้งแต่ต้นปี 2567

โดยบริษัทเดินเรือขนส่งสินค้าทั่วโลกถูกระงับการเดินเรือในเส้นทางทะเลแดง มีเพียงเรือขนส่งสินค้าจากประเทศตะวันออกกลางเท่านั้นที่ผ่านได้ อีกทั้งประเทศจีนยังเร่งผลักดันสินค้าส่งออกภายในประเทศ ดึงตู้คอนเทนเนอร์ไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ค่าระวางสินค้าและค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (Freight) สูงขึ้น 4-5 เท่า

กระทั่งช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ค่าระวางสินค้าและค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของไทยเริ่มลดลงมาเหลือ 2-3 เท่า แต่ก็ยังถือว่าสูงและยังไม่กลับสู่ภาวะปกติ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวถือเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ต้นทุนการส่งออกสูง แต่คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นในเร็วๆ นี้ เพราะหลายประเทศปรับลดดอกเบี้ยลง รวมถึงเร่งความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจไปพร้อมกัน

ปัจจุบันการส่งออกสินค้าในประเทศเอเชียและประเทศไทยเพื่อไปยุโรป ต้องส่งออกผ่านทางเส้นทางเดินเรือด้วยการอ้อมแหลม Good Hope ของประเทศแอฟริกาใต้ ทำให้ต้นทุนยังสูงมาก

ทั้งนี้ ประเทศไทยยังได้รับผลกระทบโดยตรงจากเงินบาทแข็งค่าอีก การผลิตสินค้าเพื่อการส่งออกไม่สามารถกดราคาหรือกำหนดราคาตามต้นทุนได้ เมื่อขึ้นราคาสินค้าผู้ซื้อในต่างประเทศหลายรายก็เริ่มชะลอตัว เพราะการซื้อขายระหว่างประเทศใช้สกุลเงินดอลลาร์ฯ ฉะนั้นผู้ประกอบการหลายรายจึงยอมขาดทุน

“หากพูดถึงการส่งออกในภาวะตอนนี้ต้องจับตาดูสถานการณ์เป็นระยะ เพราะมีทั้งข้อดีข้อเสีย บางอุตสาหกรรมไม่สู้ดีนัก อย่างการผลิตที่เกี่ยวกับยานยนต์ ออร์เดอร์เริ่มลดลง ขณะที่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกหลายตัวยังไปได้ดี เช่น การส่งออกผลไม้ อุตสาหกรรมการเกษตร โดยเฉพาะข้าวที่ได้รับอานิสงส์จากอินเดียที่ระงับการส่งออกอยู่ในขณะนี้ แต่อย่างไรก็ตามในระยะยาวยังคงต้องประเมินสถานการณ์ต่อไป”