ซึ่งวิธีนี้สามารถทำได้โดยไม่ต้องเตรียมการล่วงหน้าใดๆ เลย นอกจากการขอให้พนักงานวางแผนให้ดีและจริงจัง วิธีนี้อาจเป็นประโยชน์สำหรับเจ้าของธุรกิจด้วยเช่นกัน เนื่องจากการเพิ่มเวลาพักโดยไม่กระทบต่อผลิตภาพในการทำงาน อาจเป็นวิธีที่ดีในการจัดสรรเวลาให้กับความรับผิดชอบส่วนตัวและการพักผ่อนมากขึ้น
กำหนดเวลาการทำงานในแต่ละวันให้ชัดเจน สิ่งหนึ่งที่เจ้าของธุรกิจไม่ค่อยทำคือการกำหนดเวลาเริ่มต้นและหยุดการทำงานอย่างหนักในแต่ละวัน ทั้งนี้การมีกำหนดเวลาที่ชัดเจนสามารถช่วยให้ทำงานต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และจัดสรรเวลาสำหรับการใช้ชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้นด้วย โดย James Simpson ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง GoldFire Studios
แนะนำไว้ใน Small Business Trends ว่าควรกำหนดเวลาหยุดทำงานหนักในแต่ละวันและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด จากประสบการณ์เขาพบว่าเมื่อกำหนดหยุดทำงานอย่างหนักตอนเวลา 19.00 น. ทำให้สามารถทำอะไรหลายอย่างได้มากขึ้นจริงๆ โดยใช้เวลาน้อยลง และธุรกิจก็เจริญรุ่งเรืองอีกด้วย
ใช้กฎห้ามรบกวนเพื่อแยกระหว่างที่ทำงานและบ้าน เครื่องมืออีกอย่างที่เจ้าของธุรกิจและผู้นำควรพิจารณาใช้คือ กฎห้ามรบกวนในโทรศัพท์และคอมพิวเตอร์ของตนทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ทั้งนี้การไม่ส่งการแจ้งเตือนตลอดเวลา สามารถช่วยในการแยกระหว่างงานกับพื้นที่ส่วนตัวได้มากขึ้น โดย Mark Greville รองประธานฝ่ายสถาปัตยกรรมของ Workhuman แนะนำว่าถ้าเราทำงานทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า อาจจะต้องทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว ดังนั้นจึงต้องมีวินัยในการเลือกทำสิ่งต่างๆ แล้วเลือกปิดเครื่องในบางช่วงเวลาด้วย
ทั้งนี้จากคำแนะนำและตัวอย่างจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพในข้างต้น เจ้าของธุรกิจอาจพิจารณานำไปปรับใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของธุรกิจตนเองได้ เพื่อประโยชน์ต่อครอบครัวและธุรกิจให้สามารถดำเนินการควบคู่ไปได้อย่างสมดุลและประสบความสำเร็จไปพร้อมกันได้
ที่มา: Sean Ludwig. n.d. 5 Ways to Achieve Better Work-Life Balance Even Though Your Business Never Stops. Retrieved September 4, 2023, from https://www.uschamber.com/co/grow/thrive/work-life-balance
ข้อมูลเพิ่มเติม:www.famz.co.th
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,924 วันที่ 21 - 23 กันยายน พ.ศ. 2566