“เอสเอส เท็กซ์ไทล์” ลุยเสื้อผ้ารักษ์โลก รุกลูกค้าองค์กร ในตลาดหลักทรัพย์

สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์รักษ์โลกในยุคโลกเดือด ณ ปัจจุบัน เป็นเทรนด์ที่คนยุคใหม่ให้ความสนใจเพิ่มมากขึ้น เป็นโอกาสของผู้ประกอบการในการขายไอเดีย และผลิตสินค้าเพื่อทำตลาด สร้างโอกาสทางธุรกิจให้เติบใหญ่

นายสมเกียรติ วัชระชัยพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอส เท็กซ์ไทล์ 2009 จำกัด (SS Textile 2009) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ด้วยประสบการณ์ที่อยู่ในวงการสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มมาร่วม 30 ปี ได้เห็นธุรกิจเท็กซ์ไทล์ที่เริ่มมีการนำนวัตกรรมของเส้นด้ายจากการรีไซเคิลของขวดพลาสติกเพท (PET) นำมาใช้ผลิตชุดกีฬาเมื่อ 20 ปีก่อน ตนได้มองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จึงได้จัดตั้งบริษัท เอสเอส เท็กซ์ไทล์ 2009 จำกัด ขึ้น เมื่อ 15 ปีที่แล้ว

ทั้งนี้จากแนวโน้มการใช้เส้นใยที่มาจากการรีไซเคิล ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่มีแนวโน้มความต้องการในตลาดมากขึ้น ในกลุ่มของคนรักษ์โลก คนที่สนใจด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และเกิดแรงกระตุ้นจากกระแส Climate Change ที่ปัจจุบันโลกได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนสู่ภาวะโลกเดือดยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้น ในหลาย ๆ แบรนด์สินค้า ทำให้เอสเอส เท็กซ์ไทล์ฯได้รับความสนใจจากลูกค้าให้เป็นผู้ผลิตสินค้าป้อนมาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันสินค้าที่บริษัทผลิตแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ได้แก่ 1.ยูนิฟอร์ม (Work Wear / Industrial, Office Uniform / Hotel / Hospital) และ 2.กลุ่มเสื้อผ้าทั่วไป (กีฬา / Street wear, Life Style) โดยวัสดุที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นวัสดุที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก และมีการนำเข้าสินค้าที่เป็นเทคนิคอลโพรดักส์ หรือสินค้าที่ในประเทศไม่สามารถผลิตได้

“สินค้าของบริษัทจะเลือกสรรวัตถุดิบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เลือกพาร์ทเนอร์ที่ใช้แรงงานอย่างถูกกฎหมาย และเลือกใช้โรงงานที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบต้นนํ้าที่มีเทคโนโลยี และเป็นโรงงานประเภทกรีนอินดัสตรีที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงอุตสาหกรรม และโรงงานที่มีการสมัครเพื่อขอการรับรอง CFO (คาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร) หรือ CFP (คาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์)”

นอกจากนี้ยังผลิตยูนิฟอร์มที่ได้มาตรฐานของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าโปโล (สินค้าเรือธงของบริษัท) ที่ผ่านการรับรองจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตามมาตรฐานไทยแลนด์เท็กซ์ไทล์ไทแทค เสื้อผ้า Cool Mode เสื้อผ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 ที่ผ่านการรับรองจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

สำหรับกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัท ณ เวลานี้ เป็นลูกค้าในกลุ่มองค์กรภาคเอกชน (B2B) ทั้งหมด ได้แก่ กลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาล ผู้แทน / ผู้จัดจำหน่าย / ผู้นำเข้า และบริษัทมหาชนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในภาพรวมเวลานี้มีกลุ่มลูกค้าองค์กรประมาณ 20 กว่าราย ในปีนี้และปีหน้าจะมุ่งเน้นเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดหลักทรัพย์ที่มีหลายร้อยบริษัทที่มีแนวคิดการทำธุรกิจแบบ ESG (Environmental, Social, Governance) หรือการทำธุรกิจอย่างยั่งยืน ซึ่งหากได้ลูกค้าในกลุ่มนี้ซัก 10% ก็พอใจแล้ว

“เสื้อผ้าทั่วไปและยูนิฟอร์มที่บริษัทผลิตเป็นเสื้อผ้าประหยัดไฟคือไม่ต้องรีด หรือหากรีดก็ใช้ไฟน้อย เพราะเป็นเสื้อผ้า Cool Mode ที่ทำจากนวัตกรรมเส้นใยที่ออกแบบโดยเฉพาะ ใส่แล้วไม่ร้อน ซับเหงื่อและระบายความร้อนได้ดี ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เฉพาะอย่างยิ่งคน Gen Y และ Gen Z ที่ชอบความสะดวกสบายไม่ต้องรีดเสื้อผ้า”

ล่าสุดนอกจากการผลิตสินค้าให้กับลูกค้าองค์กรแล้ว บริษัทฯ ยังได้นำร่องสร้างแบรนด์สินค้าของตนเองภายใต้แบรนด์ SS (ย่อมาจาก SIMPLY SUSTAIN) เช่น เสื้อโปโล หมวก เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งคาดหวังธุรกิจจะเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต จากปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มียอดประมาณ 20 ล้านบาทขยายตัวยังไม่มาก จากเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว และถูกสินค้าจากต่างประเทศตีตลาด