จีนพลิกนโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” และเปิดประเทศนับแต่ต้นปีกระต่าย ตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่ขยายตัวแรงในอัตรา 4.5% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ก็ส่อเค้าว่า เศรษฐกิจจีนจะกลับมาเติบโตอย่าง “ก้าวกระโดด” โดยคาดหวังว่าการท่องเที่ยวจะเป็นหนึ่งใน “พระเอก” ที่ช่วยเสริมภาคการบริโภคภายในประเทศในปีนี้ ...
การผ่อนคลายการล็อกดาวน์ และเงื่อนไขการเดินทางข้ามมณฑลละภูมิภาคของรัฐบาลจีนนับแต่ต้นปี 2023 ทำให้การท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ข้อมูลของสถาบันการท่องเที่ยวแห่งชาติจีน (China Tourism Academy) ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวภายในประเทศทั่วจีนโดยรวมคาดว่าจะแตะ 4,550 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 80% ของปีก่อน
ขณะที่รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศในปี 2023 อาจแตะ 4 ล้านล้านหยวน ขยายตัวราว 95% ของปีก่อน และอยู่ในระดับกว่า 70% ของปี 2019
มาถึงวันนี้ จีนได้ผ่านไป 2 เทศกาลหยุดยาวสำคัญ อันได้แก่ ตรุษจีน และ วันแรงงาน ปรากฏว่า “สัปดาห์ทอง” ที่คนจีนนิยมเดินทางไปเยี่ยมญาติและพักผ่อนหย่อนใจ มีกระแสตอบรับดีขึ้นโดยลำดับ จนหลายฝ่ายมองว่า “การฟื้นตัว” มาเร็วและแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้อีกด้วย
เงื่อนไขข้อจำกัดที่ได้รับ “การปลดล็อก” และความรู้สึกที่ชาวจีนส่วนใหญ่เคยเต็มไปด้วย “ความลังเลใจ” ในการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลตรุษจีน ได้แปรเปลี่ยนเป็น “ความเชื่อมั่น” อย่างเห็นได้ชัดในช่วงหยุดยาววันแรงงานที่ผ่านมา
นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากใช้โอกาสอันดี ที่รัฐบาลจีนเปิดโอกาสให้สามารถเดินทางข้ามภูมิภาคภายในประเทศและระหว่างประเทศกันอย่างเต็มที่ จากสถิติของกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวจีนระบุว่า จำนวนนักท่องเที่ยวในจีนเพิ่มขึ้นถึงกว่า 119% ของปี 2019
ขณะเดียวกัน ในเชิงคุณภาพ รายได้จากการท่องเที่ยวภายในประเทศก็มีมูลค่าถึง 148,000 (หรือราว 21,400 เหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นราว 129% และอยู่ในระดับที่สูงกว่า 100.7% ของปี 2019 ทำให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการเดินทาง “ฟื้นตัว” อย่างเห็นได้ชัด
สถิติของกระทรวงคมนาคมจีนก็ยังระบุว่า การเดินทางของชาวจีนทางบก เรือ และ อากาศ ในช่วงเทศกาลเพิ่มขึ้นเกือบ 163% ของปี 2022 โดยจำแนกเป็นการเดินทางเฉลี่ยต่อวันตามรูปแบบการขนส่ง ดังนี้
-ทางรถไฟ 18.2 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 4.6 เท่าตัว
-ทางถนน 32.6 ล้านคน เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
-ทางน้ำ 1.4 ล้านคน ขยายตัวกว่าเท่าตัว
-ทางอากาศราว 1.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าตัว
นอกจากนี้ ข้อมูลจากหลายแหล่งก็ยังระบุว่า จำนวนเที่ยวบินและจำนวนรถยนต์บนทางด่วน ก็เพิ่มขึ้นในระดับที่สูงกว่าของปี 2019
ประการสำคัญ แม้ว่าสายการบินภายในประเทศได้กลับมาให้บริการเต็มรูปแล้ว แต่อุปสงค์ใช้บริการด้านการบินในหัวเมืองหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น หังโจว และ เฉิงตู ก็ยังสูงกว่าจำนวนเที่ยวบินที่มีอยู่
และแม้ว่าราคาตั๋วเครื่องบินจะเพิ่มขึ้นเกือบ 40% แต่การมองหาตั๋วเครื่องบินออนไลน์ ก็เพิ่มขึ้นมากกว่าของปี 2019 ถึง 162% ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมผู้บริโภคชาวจีนที่ใช้ช่องทาง “ออนไลน์” มากขึ้นในยุคหลังโควิด
ขณะเดียวกัน ข้อมูลจากแพลตฟอร์มด้านการท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Ctrip (ซีทริป) แสดงผลว่า คนจีนเดินทางท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าวเป็นระยะทาง “ไกลขึ้น” กว่าของปีก่อนราว 25% ซึ่งสะท้อนถึงอีกหนึ่งพฤติกรรมการท่องเที่ยวของชาวจีนที่เปลี่ยนแปลงไป
เพราะก่อนหน้านี้ ชาวจีนต้องการลดความเสี่ยงจากการใช้บริการขนส่งสาธารณะ จึงเลือกเดินทางท่องเที่ยวในระยะสั้นด้วยรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก
แต่ด้วย “ความเบื่อ” กับพื้นที่แคบๆ ของที่อยู่อาศัยเป็นเวลานาน และอยากใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติกลางแจ้งมากขึ้น จึงนิยม “ตั้งแค้มป์” ในพื้นที่สาธารณะในย่านชุมชนเมืองกันในช่วงปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ระยะทางเฉลี่ยของการเดินทางโดยเครื่องบินอยู่ที่ 1,638 กิโลเมตร ซึ่งเทียบได้กับระยะทางระหว่างเซี่ยงไฮ้ กับ โฮฮอต เมืองเอกของมองโกเลียใน เลยทีเดียว ระยะทางเฉลี่ยดังกล่าวอยู่ในระดับเดียวกับของปี 2019
ทำนองเดียวกันเกิดขึ้นกับการเดินทางโดยรถไฟความเร็วสูงที่วิถีชาวจีนดูจะ “ขาดไม่ได้” ก็มีระยะทางเฉลี่ยต่อเที่ยวเกือบ 390 กิโลเมตร ซึ่งเทียบได้กับระยะทางจากเซี่ยงไฮ้ไปย่านเทือกเขาหวงซาน สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่โด่งดังของมณฑลอันฮุย
ขณะเดียวกัน นักท่องเที่ยวจีนก็นิยมขับรถยนต์ไปท่องเที่ยวในระยะทางการขับขี่ที่ยาวขึ้น โดยเลือกใช้เวลาพักผ่อนในพื้นที่ชนบทต่างเมืองกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสนับสนุนนโยบาย “การสร้างความกระชุ่มกระชวยในพื้นที่ชนบท” ของรัฐบาลจีนควบคู่ไปด้วย
จึงไม่น่าแปลกใจที่ช่วงหยุดยาววันแรงงานในปีนี้ ธุรกิจบริการเช่ารถยนต์ในจีน “คึกคัก” เป็นอย่างมาก โดยเพิ่มขึ้นถึง 574% ของปีก่อน และมากกว่า 3 เท่าของปี 2019
ขณะที่ยอดการจองโรงแรมที่พักที่รองรับการเดินทาง “ระหว่างมณฑล” ในช่วงเวลาดังกล่าวก็คิดเป็นสัดส่วนกว่า 70% ของยอดการจองโรงแรมโดยรวม
การขยายตัวของการเดินทางท่องเที่ยว ยังทำให้ยอดจำหน่ายบัตรผ่านประตู งานสันทนาการ และกิจกรรมพิเศษอื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นตามไปด้วย โดยในหลายกรณีก็สูงกว่าระดับของปี 2019 เสียอีก
หลังจากอัดอั้นมาหลายปี นักท่องเที่ยวชาวจีนเลือกเดินทางกลับไปเยี่ยมเยือนสถานที่ท่องเที่ยว “ยอดนิยม” อีกครั้งในช่วงหยุดยาววันแรงงานในปีนี้ ผมเชื่อว่าท่านผู้อ่านอาจได้เห็นคลิป “คลื่นมหาชน” ในสถานที่ท่องเที่ยวหลักมาแล้วบ้าง
คราวหน้าเราจะไปคุยกันต่อว่า พฤติกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศเปลี่ยนแปลงในด้านใดอีกบ้าง และการท่องเที่ยวในต่างประเทศของชาวจีนเป็นเช่นไร ...
เกี่ยวกับผู้เขียน : ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน, อุปนายกและเลขาธิการสมาคมส่งเสริมการลงทุนและการค้าไทย-จีน ผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับตลาดจีน มุ่งหวังนำข้อมูลและมุมมอง ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การตลาดและอื่น ๆ ที่อยู่ในกระแสของจีนมาแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน เพื่อเราจะไม่ตกขบวน “รถไฟความเร็วสูง” ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน