จุดปักหมุดของเรา อยู่ที่ “หาดพังกา” เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่คุ้นหู เนื่องจากอยู่ด้านใต้ของ เกาะสมุย ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมาเที่ยวฝั่งนี้น้อยกว่า หาดเฉวง หาดละไม หรือ บ่อพุด ที่เราคุ้นชิน
จาก “อนันตรา บ่อผุด เกาะสมุย”ใช้เวลาขับรถราว 1 ชั่วโมง ก็ถึงจุดเช็คอินในค่ำคืนสุดท้ายกันที่ “โรงแรม อวานี พลัส สมุย” (Avani+Samui)
แม้โลเคชั่นของที่นี่ อาจจะอยู่ห่างไกลจากชุมชน แต่ก็ถูกแทนที่ด้วยความสงบเงียบ น่าจะโดนใจคนโหยหาสัมผัสความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ ห่างไกลจากความวุ่นวาย ในวันพักผ่อนแบบสบายๆ
“อวานี พลัส สมุย” เป็นรีสอร์ทที่มีห้องพักเพียง 58 ห้อง เป็น ห้องดีลักซ์ 25 ห้อง และห้องพักแบบ พูลวิลล่า 33 ห้อง ซึ่งถ้าจะเป็นพูลวิลล่า ติดทะเล ก็มีให้เลือกอยู่ 6 แห่ง มีทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ด้วยความที่ช่วงนี้รีสอร์ทเน้นคนไทยการพักพูลวิลล่าในราคาหลักพัน เราเอื้อมถึงอ่ะ เช็คราคาร่วมโครงการเราเที่ยวด้วยกัน
คาแร็กเตอร์ของรีสอร์ท ออกแนวดีไซน์โมเดิร์น สดใส เน้นโทนสี ฟ้า ขาว เติมเต็มความรู้สึกโปร่งโล่งด้วยแสงธรรมชาติ ได้มู้ธแอนด์โทน วันพักผ่อนริมทะเล
ทั้งยังมีกิมมิกเก๋ไก๋ สร้างสีสันให้กับรีสอร์ทแห่งนี้อมีชีวิตชีวาเพิ่มขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดสีน้ำมันจากศิลปินวาดภาพประกอบชื่อดัง “พีรดา อุณหเลขกะ” ดึงดูดให้เข้าไปถ่ายภาพร่วมเฟรม
ทั้งยังมี บาร์รถแวนคอมบี้ ( Kombi Van Bar) จัดเต็มเครื่องดื่มเรียกความสดชื่น และค็อกเทลหลากหลายชนิด ล่อใจให้อยากไปนั่งดริ้งก์ ริมสระน้ำ ริมหาด หรือบริเวณ "เอสเซนส์" ห้องอาหารหลักริมหาดของโรงแรม
แม้จะมีเพียง 1 ห้องอาหาร แต่ก็เสริฟทั้งอาหารไทยและนานาชาติ ในมื้อกลางวันและดินเนอร์ ส่วนตอนเช้า เนื่องจากเราอยู่ในช่วง โควิด-19 ห้องอาหารก็ จะไม่ได้บริการบุฟเฟ่ต์อาหารเช้า แต่จะให้เราเลือกสั่งตามเมนู
แม้รีสอร์ทจะมีห้องพักเพียง 58 ห้อง แต่มีสระว่ายน้ำถึง 2 สระ ติดทะเลทั้งคู่ ให้ฟิลลิ่งขณะอยู่ในสระว่ายน้ำแตกต่างกัน เพราะแยกชัดเจนระหว่างสระสำหรับผู้ใหญ่ กับสระเหมาะสำหรับครอบครัว ซึ่งภายในสระว่ายน้ำก็คนไม่ได้มากมายอยู่แล้ว
เพราะคนที่พักในพูลวิลล่า ส่วนใหญ่ก็คงชอบว่ายน้ำในแบบส่วนตัว อยู่ในห้องพักของตัวเองมากกว่า เรียกได้ว่าแทบจะนั่งนอน กินเล่น อยู่ในห้องได้แทบทั้งวัน
ภายในพื้นที่ในพูลวิลล่า มีขนาดถึง 70 ตรม. ซึ่งก็จัดว่ากว้างขวาง ทั้งห้องพักยังมีเพดานสูงมาก ให้ความรู้สึกโปร่งโล่ง พักได้แบบสบายๆ และที่นี่ยังทำให้เราสัมผัสได้ถึงความใส่ใจเล็กน้อยๆ เช่นในห้องพักจะมีโน้ตเขียนติดไวท์บอร์ดเหนือหัวเตียง มีชื่อเรา และแม่บ้านที่ดูแลห้องให้เราด้วยอ่ะ
ไฮไลท์ห้ามพลาด คือ เมื่อมาพักช่วงนี้เขาจะมีบริการฟรี แบบ ฮาล์ฟเดย์ทริป ในช่วงบ่าย พาลูกค้าของ
รีสอร์ท ไปเที่ยวยังเกาะใกล้เคียง ซึ่งจองก่อนได้สิทธิ์ก่อน แนะนำว่าควรจองทริปนี้มาตั้งแต่จองห้องพักเลย แต่ใครอยากจะเช่าเหมาเรือไปเป็นส่วนตัว ก็มีบริการอยู่
โปรแกรมฮาล์ฟเดย์ ที่เราจองมาล่วงหน้าแล้ว พร้อมเดินเรือแล้ว เรานั่งเรือหางยาวรวมกลุ่มกับลูกค้าคนอื่นๆของโรงแรม ใช้เวลาแค่ 15 นาที ก็ถึงจุดดำน้ำแถว “เกาะแตน”
ดำน้ำเล่นน้ำกับฝูงปลาเสือให้พอเป็นกระสัย เพราะใจตอนนี้มุ่งต่อไปหาหมูทะเล กันที่ “เกาะมัดสุม” ที่อยู่ไม่ไกลกันมากนักมากกว่า
พอเรือหางยาวเทียบเกาะมัดสุม เห็นเลยจ๊ะ ลูกหมู แม่หมู เจ้าถิ่นประจำเกาะคอยต้อนรับ เบ็ดเสร็จมีน้องหมูทั้งหมด 11 ตัวจ๊า ตอนเราขึ้นเกาะแดดอาจจะร้อนอยู่ หมูตัวใหญ่ เลยขอพักนอนในร่มดีกว่า แต่มาแล้วโลกต้องรู้ ทำไงจะได้มีรูปคู่น้องหมู เทคนิคให้หมูเดินนวยนาด มาถ่ายรูปริมทะเลกับเรา ต้องล่อด้วย ข้าวเกรียบ ซึ่งน้องจะชอบเป็นพิเศษ
กรุบกรอบ กินได้ทั้งคนทั้งหมู ซึ่งห่อข้าวเกรียบก็แขวนขายอยู่หน้าร้านขายของ บนเกาะนั่นแหละ ถุงละ 50 บาท ถ่ายรูปสมใจแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะเล่นน้ำทะเลต่อกันเลย ที่นี่น้ำใส ทะเลสวย ใครไม่กล้าสู่แดด ก็นั่งชิงช้า นั่งดูหมูนอนหลับ หมูเดินอยู่แถวๆต้นไม้ใหญ่ หรือนั่งจิบน้ำมะพร้าวรอไปพรางก่อน รอเวลาเรือหางยางกลับที่พัก
หลายคนคงข้องใจว่าหมูมาอยู่บนเกาะได้ยังไง “ชาญชัย หิรัญวงศ์” คนขายร้านของบนเกาะ เล่าให้เราฟังว่า เมื่อ 4 ปีก่อน เรานำหมูมาไว้บนเกาะเพื่อให้มากินเศษอาหารเหลือๆ ตอนนั้นมี 6 ตัว หมูก็กินนอนอยู่ที่นี่ โดยเราเลี้ยงต้มข้าวให้กิน และตอนยังไม่มีโควิด ก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวบนเกาะ เห็นหมูก็ชอบ แชร์ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนมาเที่ยวสมุยแวะมา
พิกัดเกาะมัดสุม
ตอนนี้บนเกาะมีหมูทั้งหมด 11 ตัว ก็คงไว้ที่ 11 ตัว เพราะมีมากไปก็ไม่ดี ซึ่งพื้นที่จุดนี้ไม่มีที่พัก มีแค่ร้านค้าแห่งเดียวไว้บริการนักท่องเที่ยว และอยู่กันคนละด้านกับในปลายเกาะ ที่จะมีที่พักไว้บริการ
ส่วนถ้าคนอยากมาเที่ยวเกาะมัดสุม ดูหมูทะเล แต่ไม่ได้มาพักที่อวานี พลัส สมุย แนะนำให้ติดต่อ สมาคมท่าเรือนำเที่ยวหมู่เกาะแตน เหมาเรือไป ราคาลำละ 1,500 บาท คุ้มค่าซื้อทริปเพื่อมาเที่ยวเกาะมัดสุมและดำน้ำเกาะแตน ที่ส่วนใหญ่แพ็คเกจที่ขายกันทั่วไปบนเกาะจะอยู่ที่ราว 1,200-1,400 บาทต่อคน
หลังจากดูหมูจุใจ ก็ถึงเวลากลับรีสอร์ท ถึงช่วงเย็นพอดี ก่อนเข้าห้องพัก ขอไปนั่งชิลล์ริมหาดสุดโรแมนติก ซึ่งด้วยหน้าหาดเป็นเวิ้งทะเล ขนาบด้วยหุบเขาสองข้าง อาจจะเดินไกลหน่อย หากอยากไปเล่นน้ำลึกๆ แต่จุดนี้น้ำค่อนข้างนิ่ง พายเรือคา
ยัค ชมบรรยากาศได้ฟิลดีๆเลย
ปิดทริปสมุยในแบบสวยๆเลยจ๊ะ
คอลัมภ์ : ดีแต่เที่ยว (เช็คที่กิน ฟินเรื่องเที่ยว)
BY ธนวรรณ วินัยเสถียร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เที่ยว “สมุย” ไปหา“หมูทะเล” ( Ep.1)