ชาวสวนปาล์ม ยิ้มร่า โชว์สลิปว่อน ราคาพุ่ง 12.75 บาท/กก.

แหล่งข่าววงการค้าน้ำมันปาล์ม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงผลกระทบจาการที่อินโดนีเซีย ห้ามระงับส่งออกปาล์มนั้น ไม่น่าจะมีปัญหาในประเทศ เพราะเราผลิตเอง ผลิตเกินใช้อยู่แล้ว ไม่ต้องกลัวว่าจะขาดแคลนในประเทศ แต่จะทำให้ราคาน้ำมันปาล์มในประเทศสูงขึ้น บ้านเราซื้อไม่ไหว ก็ต้องไปส่งออกเกษตรกรยังได้ราคาดี แต่มีเรื่องราคาเท่านั้นที่น่าเป็นห่วง  ส่วนอินโดนีเซีย ประเมินว่าน่าจะเก็บนานไม่ได้  ส่งออกเป็นล้านตัน ทำอยู่ได้ไม่นานหรอก เชื่อว่า 4 อาทิตย์นี้ก็เต็มหมดแล้วแท็งก์ ถ้าไม่ส่งออกจะไปไหน

 

ตนว่าขู่ไปอย่างนั้น ผมว่ารัฐบาลคนด่าตายเลย แต่ของเราได้เคยคุยกับท่านอธิบดีกรมการค้าภายในไปแล้ว เราไม่ห้ามส่งออก จะไปห้ามทำไมเสียชื่อเปล่าๆ เราต้องใช้วิธีการบริหารการส่งออก อย่าส่งมากนะ ให้ส่งแค่นี้ เข้าบริหารไม่เป็นไปทุบๆ เสร็จเลย ใช่ในเมื่อขวดขายไม่ได้ราคา ก็ส่งออกกัน ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูว่าจะแก้ไขเงินเฟ้ออย่างไร ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียวนะ ความจริงก่อนหน้านั้นดูเหมือนว่าจะสถานการณ์ค่อยๆ บรรเทาลง

 

 

 แต่พอเกิดสงครามยูเครนปุ๊บเกิดปัญหาเลย 5 ล้านตัน น้ำมันทานตะวัน หายไปทันที  ยุโรป นิยมรับประทานน้ำมันทานตะวัน จึงทำให้โลกต้องหันมาหาน้ำมันทดแทน  ส่วนถั่วเหลืองไม่นิยมนำไปทอดไม่นิยมรับประทาน ชอบรับประทานน้ำมันไม่มีกลิ่น จำเป็นที่จะต้องนำน้ำมันปาล์มทดแทน จึงทำให้ราคาน้ำมันปาล์มโลกราคาปรับขึ้นเรื่อยๆ แล้วจู่วันดีคืนดี อินโดนีเซียมาระงับส่งออกปาล์ม เชื่อโรงงานคงช็อก

 

“สาเหตุที่ระงับส่งออก เพราะรัฐบาลอยากให้ขายน้ำมันราคาถูกในประเทศ ทั้งที่ส่งออกขายได้ 100 บาท แต่ให้มาขายในประเทศ 50 บาท ก็ไม่มีใครทำ แต่เมื่อรัฐบาลมีนโยบายดังกล่าวนี้เกษตรกรไม่พอใจ จึงทำให้เป็นเหตุมากดราคาในประเทศ ดังนั้นคนขาดทุนคือใคร ก็คือเกษตรกรใช่หรือไม่ เพราะถ้าปล่อยตามกลไกราคา เกษตรกรก็จะได้ราคานั้น”

 

 

รัฐบาลอินโดนีเซียพยายามที่จะใช้วิธีนี้ เพื่อช่วยผู้บริโภค แล้วถ้าปล่อยให้เป็นไปตามราคาโลก คนในประเทศก็ตาย ดังนั้นเมื่อกดราคาในประเทศให้ต่ำ สุดท้ายก็ไปกดราคาที่เกษตรกร ทำให้เสียรังวัด แล้วในขณะนี้ใกล้จะเลือกตั้งแล้วคาดว่าคงอยู่ไม่ได้ เชื่อว่าไม่เกิน 2 สัปดาห์ เปลี่ยนนโยบายแน่นอน ไม่เชื่อ ลองดู

 

ส่วนมาเลเซียทำอีกแบบหนึ่ง ช่วยผู้บริโภคโดยตรง ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีที่แล้ว กล่าวคือ มีการกำหนดกำหนดราคา ที่น้ำมันน้ำมันปาล์มขวด แต่ถ้าราคาเกิน รัฐบาลจ่ายเอง ก็ไม่กระทบกลไกตลาด โรงงานปกติส่งออกก็ทำได้ปกติ ไม่ต้องไปทำให้กลไกตลาดพัง ไม่เช่นนั้นถ้าแก้ที่ปลายเหตุจะเกิดปัญหาใหม่ไม่รู้จบต้องแก้ปัญหาไปเรื่อยๆ

 

 

อย่างไรก็ดีก่อนหน้านั้นทางเอกชนเคยเสนอรัฐบาลให้ชดเชยน้ำมันช่วยผู้บริโภคโดยใช้เงินกองทุน 500 ล้านบาท  โดยกำหนดราคาขวด 1 ลิตรที่ 60 บาท หากเกินรัฐบาลก็ชดเชย ส่วนจะซื้อน้ำมันปาล์มมาผลิตบรรจุขวดธงฟ้า ก็ทำไม่ได้ผลิตก็ขาดทุนอยู่ดี แต่ขึ้นอยู่กับใครว่าจะเป็นฝ่ายขาดทุน

 

"ดังนั้นรัฐบาลไทยอย่าระงับส่งออก เพียงแต่ว่าในตอนนี้จะทำอย่างไรเพื่อช่วยเหลือคนมีรายได้น้อย ถ้าราคาเกิน 70 บาท/ขวด จะไหวไหม หรือเพิ่มเติมใส่เงินเพิ่มให้บัตรสวัสดิการของรัฐ เพิ่มเติมให้อีก 100 บาท แต่ถ้าคนที่มีเงินฐานะปานกลาง ก็คาดว่าน่าจะอยู่ได้ แล้วใช้น้ำมันลดน้อยลงก็น่าจะอยู่ได้"