นักลงทุนเพิ่มคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนมี.ค.นี้ และเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแตะระดับสูงสุดในกรอบ 5.50-5.75% ในเดือนมิ.ย. ทั้งนี้ เชื่อว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้แต่อย่างใด โดยคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงกว่าคาด เพื่อทำให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่เฟดกำหนดไว้
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 67.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 21-22 มี.ค. นี้ และให้น้ำหนักเพียง 32.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25%
ก่อนการกล่าวถ้อยแถลงของนายพาวเวลล์เมื่อวันอังคาร (7 มี.ค.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ) นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 68.6% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. และให้น้ำหนักเพียง 31.4% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
ทั้งนี้ นายพาวเวลล์กล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับสูงกว่าที่เจ้าหน้าที่เฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง
"ข้อมูลทางเศรษฐกิจล่าสุดแข็งแกร่งกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยขั้นสุดท้ายของเฟดจะอยู่สูงกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ และหากข้อมูลทั้งหมดบ่งชี้ว่าเฟดควรคุมเข้มนโยบายการเงินให้เร็วขึ้น เราก็จะเพิ่มความเร็วในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย”
พาวเวลล์ยังกล่าวด้วยว่า แม้ว่าเงินเฟ้อได้ชะลอตัวลงหลังจากแตะจุดสูงสุดในปีที่แล้ว แต่กระบวนการทำให้เงินเฟ้อลดลงสู่เป้าหมาย 2% ยังคงเป็นหนทางอีกยาวไกล และไม่ราบรื่น ดังนั้น ภารกิจในการต่อสู้เงินเฟ้อของเฟดจึงยังคงไม่สิ้นสุด และเฟดจำเป็นที่จะต้องคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปอีกระยะหนึ่ง
อย่างไรก็ดี นายพาวเวลล์ไม่ได้ระบุว่าอัตราดอกเบี้ยจะแตะระดับสูงสุดที่ระดับใด และย้ำว่าการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟดจะขึ้นอยู่กับการประชุมในแต่ละครั้ง รวมทั้งข้อมูลที่เฟดได้รับ โดยเฟดจะพิจารณาถึงผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่จะมีต่อเงินเฟ้อและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเฟดจะไม่มีการกำหนดล่วงหน้าสำหรับทิศทางนโยบายการเงิน
สำหรับ ไทม์ไลน์ในการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดตลอดทั้งปี 2565 มาจนถึงครั้งล่าสุด เป็นดังนี้
ปี 2565
ปี 2566