ACPG เตรียมรับซื้อหนี้เสีย หลัง SM ทะลุ 1.12 ล้านล้านบาท

06 พ.ย. 2566 | 10:59 น.
อัปเดตล่าสุด :06 พ.ย. 2566 | 10:59 น.

ACPG เปิดโมเดลธุรกิจบริหารสินทรัพย์ครบวงจร คาดหนี้เสียทะลัก หลังมาตรการช่วยเหลือธปท.สิ้นสุดปีนี้ หลังตัวเลข SM ล่าสุดทะลัก 1.12 ล้านล้านบาท NPL เฉียด 5 แสนล้านบาท

นายไมเคิล บีแคว๊ท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลฟาแคปปิตอล พาร์ทเนอร์ส กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACPG เปิดเผยว่า คาดว่า ปริมาณสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในระบบจะเพิ่มขึ้น หลังมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) สิ้นสุดลงในช่วงสิ้นปี 2566

ACPG เตรียมรับซื้อหนี้เสีย หลัง SM ทะลุ 1.12 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ พิจารณาได้จากยอดคงค้างเงินให้สินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษ(SM)ของธนาคารพาณิชย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566  มีจำนวน  1,123,485 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีจำนวน 436,238 ล้านบาทและคาดการณ์ยอดคงค้างสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ(NPL) ของธนาคารพาณิชย์ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 จำนวน 492,303 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2562 ซึ่งมีจำนวนเท่ากับ 465,026 ล้านบาท

แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มในการเติบโตของอุตสาหกรรมการบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพในประเทศไทยจากอุปทานของสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสให้กับบริษัทฯ ในการเข้าลงทุนเพื่อขยายพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นหนึ่งในบริษัทบริหารสินทรัพย์ชั้นนำระดับประเทศผ่านการให้บริการแบบครบวงจร เพื่อร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

นายไมเคิลกล่าวว่า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) และดำเนินธุรกิจผ่านบริษัทย่อย 2 แห่งคือ บริษัท บริหารสินทรัพย์อัลฟาแคปปิตอล จำกัด (ALPHA) และ บริษัท บริหารสินทรัพย์ ไวร์เลส จำกัด (WAMC) โดยมีธุรกิจบริหารสินทรัพย์อย่างครบวงจรเป็นธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) ที่มีหลักประกัน  โดยการรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพจากสถาบันการเงินและผู้ประกอบธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพรายอื่นในประเทศไทย

“เรามุ่งเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกันที่หลากหลายทั้งประเภทของสินทรัพย์และที่ตั้ง และบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพด้วยการเจรจาปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้เพื่อหาข้อตกลงที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกฝ่ายเท่าที่เป็นไปได้"”นายไมเคิลกล่าว

ขณะที่ธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขาย (NPA) โดยทรัพย์สินรอการขายส่วนใหญ่ของบริษัทฯ มีที่มาจากการประมูลซื้อหลักประกันสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบริษัทฯ จากการขายทอดตลาด หรือการตีทรัพย์ชำระหนี้ของลูกหนี้สินทรัพย์ด้อยคุณภาพของบริษัทฯ โดยจะคำนึงถึงคุณภาพของทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันและพิจารณาความต้องการของตลาด เพื่อให้จำหน่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ในมูลค่าที่เหมาะสม 

บริษัทฯ เชื่อว่า รูปแบบธุรกิจของบริษัทฯ จะทำให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวต่อสถานการณ์และสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างเหมาะสมและสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจในแต่ละช่วงของวัฏจักรเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ บริษัทฯ มุ่งสร้างการเติบโตโดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจบริหารสินทรัพย์โดยมีจุดแข็งและข้อได้เปรียบในการแข่งขัน โดยสิ้นปี2565 มีสินทรัพย์รวม 5,919.8 ล้านบาท และณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 สินทรัพย์เพิ่มขึ้นเป็น 6,350.6 ล้านบาท มีเงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับสุทธิ 3,383.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.2% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2565 และ มีทรัพย์สินรอการขายสุทธิ 1,982.3 ล้านบาท ลดลง 2.4% เมื่อเทียบกับ ณ สิ้นปี 2565

ส่วนปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 728.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 223.4 ล้านบาท และในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้จากการดำเนินงาน 311.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 138.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9% และ 26.9% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับ 6 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา