ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวน กรณีที่มีการกล่าวโทษ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK กับพวกในความผิดฐานลงข้อความอันเป็นเท็จในบัญชีหรือเอกสารและงบการเงินของบริษัทฯ
ความผิดฐานแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์หรือร่างหนังสือชี้ชวน และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประมวลกฎหมายอาญา โดยมี มูลค่าความเสียหายประมาณ 14,778,000,00 บาท ภายหลังมีการนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นั้น
กรณีดังกล่าว พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เห็นว่าเป็นกรณีที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงมีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 158/ 2567 ลงวันที่ 25 มิถุนายน 2567 แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรม กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ขึ้น โดยมีนายพิชัย นิลทองคำ เป็นประธานคณะทำงาน และ คณะทำงานประกอบด้วย ผู้แทนอัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ
และบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านตลาดทุน รวมทั้งกฎหมาย และตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญ รวม 10 คนเป็นคณะทำงาน โดยมีผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเลขานุการคณะทำงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแผนประทุษกรรมคดีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) STARK ทั้งด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยถอดบทเรียนและวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและกรอบการดำเนินงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและการเพิ่มประสิทธิภาพในการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของตลาดทุนและตลาดเงิน เพื่อสร้างระบบการกำกับดูแลตรวจสอบและแจ้งเตือนล่วงหน้า อันเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อให้ตลาดเงินและตลาดทุนมีเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสตรวจสอบได้ตามมาตรฐานสากล