รมว.ยุติธรรม ตั้ง "พิชัย นิลทองคำ" นั่งประธานคณะทำงานถอดบทเรียน “STARK”

26 มิ.ย. 2567 | 04:55 น.
อัพเดตล่าสุด :26 มิ.ย. 2567 | 05:04 น.

รมว.ยุติธรรม แต่งตั้ง “พิชัย นิลทองคำ” นั่งประธานคณะทำงานถอดบทเรียน กรณี “STARK ตั้งเป้าป้องกันและลดความเสี่ยงกระทำผิดซ้ำ

ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบสวน กรณีที่มีการกล่าวโทษ นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ STARK กับพวกในความผิดฐานลงข้อความอันเป็นเท็จในบัญชีหรือเอกสารและงบการเงินของบริษัทฯ

ความผิดฐานแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือ ปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งในแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์หรือร่างหนังสือชี้ชวน และความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน อันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประมวลกฎหมายอาญา โดยมี มูลค่าความเสียหายประมาณ 14,778,000,00 บาท ภายหลังมีการนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานอัยการเพื่อยื่นฟ้องต่อศาลแล้ว นั้น

กรณีดังกล่าว พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เห็นว่าเป็นกรณีที่มีผู้เสียหายและมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง จึงมีคำสั่งกระทรวงยุติธรรมที่ 158/ 2567 ลงวันที่ 25  มิถุนายน 2567 แต่งตั้งคณะทำงานศึกษาแผนประทุษกรรม กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ขึ้น โดยมีนายพิชัย นิลทองคำ เป็นประธานคณะทำงาน และ คณะทำงานประกอบด้วย ผู้แทนอัยการสูงสุด อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง แต่งตั้งคณะทำงานถอดบทเรียนหุ้นSTARK

และบุคคลที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านตลาดทุน รวมทั้งกฎหมาย และตัวแทนผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้นสามัญ รวม 10 คนเป็นคณะทำงาน โดยมีผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน กรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเลขานุการคณะทำงาน มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแผนประทุษกรรมคดีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) STARK ทั้งด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย โดยถอดบทเรียนและวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่การกำหนดนโยบายและกรอบการดำเนินงานของกรมสอบสวนคดีพิเศษและการเพิ่มประสิทธิภาพในการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของตลาดทุนและตลาดเงิน เพื่อสร้างระบบการกำกับดูแลตรวจสอบและแจ้งเตือนล่วงหน้า อันเป็นมาตรการเชิงรุกเพื่อให้ตลาดเงินและตลาดทุนมีเสถียรภาพ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใสตรวจสอบได้ตามมาตรฐานสากล