หลักทรัพย์บัวหลวง จับตาเทรดวอร์เขย่าเศรษฐกิจโลก

03 ธ.ค. 2567 | 22:45 น.

บล.บัวหลวงมองตลาดหุ้นทั่วโลกปี68 ยังผันผวน ชี้สงครามการค้าเป็นฉนวนสร้างผลกระทบการค้าวงกว้างในหลายประเทศ ส่งออกไทยปี 68 เหนื่อยหน่อย ค่าเงินยังผันผวน แนะจัดพอร์ตกระจายความเสี่ยง

นายเสริมศักดิ์ วงศ์สิทธิโชค ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายค้าตราสารการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ทิศทางปี 2568  ทั้งเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจโลก รวมถึงตลาดหุ้นต่างๆ ยังมีความผันผวน จากปัจจัยที่่เกิดขึ้นแน่ๆ คือ สงครามราคา และสงครามการค้า

หลักทรัพย์บัวหลวง จับตาเทรดวอร์เขย่าเศรษฐกิจโลก

ขณะที่ี่เศรษฐกิจจีน ยังคงเผชิญหน้ากับปัญหาในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจ ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังคงซบเซา อัตราการจับจ่ายใช้สอยของประชากรลดลง เช่นเดียวกันกับการบริโภคที่อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว

ดังนั้นมองว่า เศรษฐกิจปี 2568 ยังต้องติดตามผลช่วง 6 เดือนแรกของปีว่า จะมีทิศทางอย่างไร โดยเฉพาะนโยบายการขึ้นกำแพงภาษีของทรัมป์ว่า จะมีการขยายผลขึ้นภาษีไปยังประเทศอื่นๆเพิ่มเติมหรือไม่อย่างไร ทำให้การส่งออกไทยในปีหน้าต้องเหนื่อยหน่อย

ส่วนราคาพลังงานเชื่อว่า จะไม่อย่ไปกว่านี้ และค่าเงินยังคงมีความผันผวน

ดังนั้นการลงทุนในปี 2568 ยังคงแนะนำให้จัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงการลงทุนไปในหลายๆ ภูมิภาค และเลือกหลากหลายผลิตภัณฑ์กองทุนเพื่อเป็นการล็อคความเสี่ยง กระจายต้นทุน

สำหรับการลงทุนในปี 2567 นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้วอย่างสหรัฐฯและยุโรปให้ผลตอบแทนที่ค่อนข้างโดดเด่น +20% และ+10% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดหุ้นไทยบวก 3-4% ส่วนตลาดหุ้นจีนเองเพิ่งกลับมาดีขึ้นได้หลังจากที่รัฐบาลออกมาตรการบาซูก้ากระตุ้นเศรษฐกิจ 

ส่วนช่วงโค้งสุดท้ายปี 67 ประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นทั่วโลกมีโอกาสปรับฐานจากความเสี่ยงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง อีกทั้งช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนทำให้มูลค่า(Valuation) หลายตลาดค่อนข้างตึงตัวมากแล้ว จึงมีความเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรในระยะถัดไป

ดังนั้น ทางฝ่ายจึงเห็นควรว่า ในการลงทุนนั้นควรเป็นการกระจายความเสี่ยงของพอร์ตออกไปยังภูมิภาคต่างๆ โดยที่มุ่งเน้นในตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ซึ่งยังคงให้อัตราผลตอบแทนที่สูงอยู่ รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายประเทศ และในการลงทุนนั้นความเป็นการลงทุนอย่างสม่ำเสมอ  

ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ทางการเงินช่วยบริหารจัดการภาษีและเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนระยะยาว แนะนำกระจายน้ำหนักการลงทุนไปยัง “กองทุนลดหย่อนภาษี” เช่น

  • กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว (SSF)
  • กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
  • กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG)

โดยทางฝ่ายแนะให้เลือกลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีที่เน้นกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก, ลงทุนในตลาดที่มีแนวโน้มกำไรฟื้นตัว (Earnings Growth) และมูลค่า (Valuation) น่าสนใจ สะท้อนผ่าน Trailing P/E ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี เพื่อกระจายความเสี่ยงการลงทุน

หลักทรัพย์บัวหลวง จับตาเทรดวอร์เขย่าเศรษฐกิจโลก
สำหรับตลาดหุ้นต่างประเทศที่แนะนำคือ

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับผลดีจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีกำไรเติบโตดี และกระแส AI ยังมาแรง แนะนำรอจังหวะย่อตัว เพื่อเข้าลงทุนในกองทุน B-INNOTECHSSF และ B-INNOTECHRM เน้นลงทุนหุ้นเทคโนโลยีคุณภาพดีทั่วโลก และหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีราคาแพง ซึ่งกองทุนนี้จะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงของตลาดได้อย่างดี
  • ตลาดหุ้นเวียดนนาม ที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดี และ Valuation ไม่แพง เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นๆ ปัจจุบันตลาดหุ้นเวียดนามจัดอยู่ในตลาดหุ้นชายขอบ (frontier market) และอยู่ในรายชื่อการพิจารณาของ FTSE เพื่ออัปเกรดเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (emerging market) โดยอาจขยับสถานะขึ้นในปี 2568 แนะลงทุนกองทุน B-VIETNAMSSF และ PRINCIPAL VNEQRMF ที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ด้วยกระบวนการคัดเลือกหุ้น ด้วยกลยุทธ์ทั้ง Top Down และ Bottom Up เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน
  •  ตลาดหุ้นจีน-ฮ่องกง ปัจจุบัน Valuation อยู่ในระดับที่ถูก และมีโอกาสที่กำไรจะฟื้นตัว จากมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนให้กลับมาคึกคัก แนะนำลงทุนกองทุน MEGA10CHINA-SSF และ MEGA10CHINARMF ที่ลงทุนในหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ที่มีมูลค่าสูงสุด 10 บริษัทแรก และมีสภาพคล่องสูง โดยกองทุนมักสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม Alpha ได้ดีกว่ากลุ่ม เมื่อตลาดหุ้นมี Momentum เชิงบวก
  • ตลาดหุ้นไทย ปัจจุบันปัจจัยลบเริ่มคลี่คลาย หลังภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการสนับสนุนตลาดทุน ซึ่งจะช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุนได้เป็นอย่างดี แนะนำลงทุนกองทุน B-TOP-THAIESG ที่คัดเลือกหุ้นไทยคุณภาพดี มีศักยภาพในการเติบโต โดยกองทุนนี้สามารถสร้างผลงานได้อย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับกลุ่ม

นอกจากนี้ ทางฝ่ายยังมองว่า หุ้นกลุ่มสุขภาพ ซึ่งหุ้นกลุ่มนี้มีความทนทานต่อเศรษฐกิจถดถอย และกำไรเริ่มกลับมาฟื้นตัว แนะนำลงทุนกองทุน KT-HEALTHCARE-SSF และ KT-HEALTHC RMF ที่เน้นลงทุนในหุ้นสุขภาพทั่วโลก สไตล์ Balance Portfolio ทั้งในหุ้นสุขภาพแบบดั้งเดิมและนวัตกรรม

 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 4,050 วันที่ 5 - 7 ธันวาคม พ.ศ. 2567