“สมศักดิ์”เสนอพัฒนา “1 จังหวัด 1 สมุนไพร” หนุนเพิ่มงบพัฒนา ลดนำเข้ายาเคมี

13 ก.ค. 2567 | 10:11 น.
อัปเดตล่าสุด :13 ก.ค. 2567 | 10:37 น.

“สมศักดิ์ เทพสุทิน”เสนอพัฒนา “1 จังหวัด 1 สมุนไพร ชู “มัสคูลสเปรย์กระดูกไก่ดำ” สมุนไพรเด่นอภัยภูเบศร พร้อมฝากวิจัยต่อยอด ใบมะละกอ รักษามะเร็ง และ กัญชา-กัญชง รักษาคนติดยาบ้า พร้อมเพิ่มงบพัฒนา ลดนำเข้ายาเคมี

วันที่ 13 กรกฎาคม 2567 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดอาคารนวัตกรรม เปรม ชินวันทนานนท์ มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อขับเคลื่อนงานวิจัย นวัตกรรมสมุนไพร สอดรับกับนโยบาย IGNITE THAILAND ของรัฐบาล เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ 

ล่าสุดได้ทำการวิจัยต่อยอดผลิตภัณฑ์มะระขี้นก เพื่อผลักดันส่งออกสู่ตลาดโลก รวมทั้งศึกษาวิจัยตำรับสมุนไพรเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วยในการรักษา

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า  รู้สึกยินดีที่มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้สร้างอาคารนวัตกรรม เปรม ชินวันทนานนท์ นี้ เพื่อเป็นสถานที่วิจัยและพัฒนา ตลอดจนสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ให้กับสมุนไพร ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วยแล้ว ยังสร้างโอกาสให้กับเครือข่ายนักวิจัย ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตวัตถุดิบสมุนไพร ที่มีส่วนช่วยยกระดับการพัฒนาสมุนไพรไทยให้แข่งขันได้ในตลาดสากล 

                               “สมศักดิ์”เสนอพัฒนา “1 จังหวัด 1 สมุนไพร” หนุนเพิ่มงบพัฒนา ลดนำเข้ายาเคมี

นอกจากนี้ ขอฝากคนไทยช่วยสนับสนุนการใช้สมุนไพรภายในประเทศตามแนวคิด “เจ็บป่วยคราใด ใช้ยาไทย ก่อนไปหาหมอ” เพื่อกระตุ้นให้คนไทยใช้สมุนไพร เสริมการรักษาแผนปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดการนำเข้าวัตถุดิบนำเข้าจากต่างประเทศ

รมว.สาธารณสุข กล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมพระศรีสวางควัฒน เสด็จฯ เป็นองค์ประธานเปิดงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 21 ที่เมืองทองธานี พระองค์มีพระราชดำรัสถึงประโยชน์ของสมุนไพรว่า มีความจำเป็นในยามที่เกิดวิกฤตการณ์ของโลก ซึ่งหากเราต้องพึ่งพายาจากต่างประเทศอย่างเดียว เราจะลำบาก หากเราสามารถพัฒนายาของเราเองได้ก็จะมีประโยชน์ต่อประเทศชาติ 

“ผมก็รับใส่เกล้าและน้อมนำมาปฏิบัติ โดยเริ่มจากการเพิ่มงบประมาณการผลิตสมุนไพรเพิ่มอีก 50% จากเดิม 1,000 ล้าน เป็น 1,500 ล้าน ซึ่งเมื่อเทียบกับการนำเข้ายาเคมีจากต่างประเทศที่สูงถึงปีละ 70,000 ล้านบาท ก็ยังห่างไกลกันมาก และหากมีการพัฒนายาไทยเพิ่มมากขึ้น ก็จะขอเพิ่มวงเงินงบประมาณให้อีกในโอกาสต่อไป”

                        “สมศักดิ์”เสนอพัฒนา “1 จังหวัด 1 สมุนไพร” หนุนเพิ่มงบพัฒนา ลดนำเข้ายาเคมี

รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า อยากให้กระทรวงสาธารณสุขช่วยรณรงค์ในการพัฒนาสมุนไพรไทย “1 จังหวัด 1 ตัวยาสมุนไพร” เนื่องจากวันนี้ดูจากตำรับยาที่ผ่านการรับรองจาก อย. 77,300 รายการ มียาแพทย์แผนไทยที่อยู่ในบัญชียาหลักน้อยมาก 

“เราจะทำอย่างไรให้เกิดการยอมรับในสมุนไพรมากขึ้น แน่นอนว่าการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานด้วยงานวิจัยและพัฒนา เพื่อพิสูจน์ให้เขาเห็นถึงประโยชน์ในทางการรักษา ก็จะช่วยเพิ่มความมั่นใจในยาสมุนไพรได้ จึงอยากให้เพิ่มการใช้สมุนไพร 50% ควบคู่ไปกับการใช้ยาแผนปัจจุบัน และสิ่งที่จะส่งเสริมต่อไปคือประชาชนสามารถปลูกหรือผลิตยาเองได้” 

                            “สมศักดิ์”เสนอพัฒนา “1 จังหวัด 1 สมุนไพร” หนุนเพิ่มงบพัฒนา ลดนำเข้ายาเคมี

รมว.สาธารณสุข ย้ำด้วยว่า โดยส่วนตัวเชื่อมั่นในสมุนไพรไทย และเคยเจอประสบการณ์ครั้งสำคัญ คือ ช่วงวิกฤติโควิด 19 ในขณะที่ทั่วโลกไม่มียาและวัคซีน ตน เป็น รมว.ยุติธรรม ต้องดูแลนักโทษ 360,000 คน  ก็ได้ “ฟ้าทะลายโจร”ของอภัยภูเบศร ช่วยชีวิตพวกเขาไว้ 

“สมุนไพรอีกตัว คือ กัญชา ซึ่งวันนี้ยืนยันว่า เราไม่ได้ปิดกั้นการใช้ แต่ให้ใช้อยู่ในการดูแลของแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์แผนปัจจุบัน แพทย์แผนไทย หรือ แพทย์ทางเลือก ก็ตาม เดี๋ยวเราจะเขียนไว้ให้ชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนให้ใช้ในทางสันทนาการ 

จริง ๆ แล้วกระทรวงสาธารณสุข กับ กลุ่มผู้คัดค้านการนำกัญชาสู่ยาเสพติด เรามีวัตถุประสงค์ตรงกัน แต่พูดกันไปมา ก็เลยทำให้เกิดการเข้าใจผิดและแบ่งขึ้นกันไป เช่นเดียวกับกระท่อมที่อยู่ในบัญชียาเสพติดมาถึง 78 ปี เนื่องจากคนนำไปใช้ในการเลิกฝิ่นและรัฐบาลในสมัยนั้น ต้องการปราบฝิ่น จึงให้อยู่ในบัญชียาเสพติดไปด้วยกัน ซึ่งจริง ๆ แล้วกระท่อมมีประโยชน์มากโดยเฉพาะมีสรรพคุณเป็นยาชาได้ดีกว่ามอร์ฟีน ก็ขอฝากให้มีการวิจัยสมุนไพร 3 ชนิดคือ กัญชา กระท่อม เถาวัลย์เปรียง ว่าสามารถรักษาคนติดยาบ้าได้หรือไม่ ถ้าได้ก็จะเป็นประโยชน์มาก” นายสมศักดิ์ กล่าว 

                          “สมศักดิ์”เสนอพัฒนา “1 จังหวัด 1 สมุนไพร” หนุนเพิ่มงบพัฒนา ลดนำเข้ายาเคมี

ทั้งนี้ นายสมศักดิ์ ยังได้หยิบยกประสบการณ์ส่วนตัว ที่เพื่อนเสียชีวิตไป โดยที่ตนไม่ได้บอกว่า มีสูตรยารักษามะเร็งจากใบมะละกอ โดยสามารถทำยาใช้ได้เอง โดยการสับใบมะละกอใส่หม้อเคี่ยวให้เหลือ 50% ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกรองน้ำแล้วนำมาดื่ม หลายคนหายทั้งมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด ฯลฯ 

แต่เนื่องจากมะเร็งมีหลายสายพันธุ์ เราจึงไม่สามารถรับรองได้ จึงอยากฝากอภัยภูเบศร ช่วยวิจัยต่อยอด เพื่อจดสิทธิบัตรเป็นสมบัติของแผ่นดินต่อไป 

ต่อมา นายสมศักดิ์ ได้เดินชมบูธนิทรรศกาล ที่นำเสนอสมุนไพรที่อภัยภูเบศรได้วิจัยพัฒนาจนได้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ตำรับกลีบบัวแดง ในผู้ป่วยที่มีภาวะความจำบกพร่อง อภัยเมาท์สเปรย์ ยาพ่นคอฟ้าทะลายโจร  กระชายต้านโควิด เพชรสังฆาตกับภาวะกระดูกพรุน ตำรับยารักษาสะเก็ดเงิน และ งานวิจัย มัสคูลสเปรย์ จากกระดูกไก่ดำ เพื่อเป็นการส่งเสริมการใช้ยาสมุนไพรให้กับประชาชนด้วย 

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็การันตีด้วยตัวเองว่า ใช้ดีจริง เนื่องจากได้ทดลองใช้ด้วยตัวเอง ซึ่งนายสมศักดิ์ ก็ได้เสนอว่า ให้เป็นผลิตภัณฑ์เด่นของ รพ.อภัยภูเบศร และให้ปลัดส่งเสริมให้นำมัสคูลสเปรย์ ไปใช้ในโรงพยาบาล เสริมการรักษากับแผนปัจจุบัน 

                            “สมศักดิ์”เสนอพัฒนา “1 จังหวัด 1 สมุนไพร” หนุนเพิ่มงบพัฒนา ลดนำเข้ายาเคมี

ด้าน พญ.ชนิดา สยุมภูรุจินันท์ ผอ.โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร และประธานมูลนิธิอภัยภูเบศร กล่าวว่า ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมสมุนไพร ได้นำองค์ความรู้ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านและชุมชน มาทวนสอบความถูกต้องตามหลักวิชาการและเก็บเป็นฐานข้อมูล เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และนำมาใช้ในโรงพยาบาล

ภายใต้การดูแลของแพทย์ แพทย์แผนไทย และเภสัชกร อย่างเป็นระบบ จนมั่นใจในประสิทธิผลและความปลอดภัย ก่อนส่งต่อให้มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรฯ นำไปศึกษาวิจัยต่ออย่างเต็มรูปแบบ 

ทั้งการศึกษาขนาดของยาที่เหมาะสม ความคงสภาพ การวิจัยในสัตว์ทดลองและในคนตามมาตรฐานการวิจัย โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยเครือข่าย เช่น มหาวิทยาลัยมหิดล  มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จนกระทั่งสามารถส่งผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดได้

สำหรับโรงพยาบาลและมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร มีนักวิจัย เกษตรกรผู้ปลูกสมุนไพรเครือข่ายอภัยภูเบศร มากกว่า 700 ราย ที่มีส่วนในการช่วยยกระดับสมุนไพรไทยให้มีมาตรฐาน โดยมีมูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ขับเคลื่อนด้านงานวิจัย 

ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการศึกษาวิจัยตำรับสมุนไพรต่างๆ อาทิ ตำรับสมุนไพรกลีบบัวแดง ในผู้ป่วยที่มีภาวะความจำบกพร่อง เพชรสังฆาตกับภาวะกระดูกพรุน เป็นต้น ซึ่งเมื่อการวิจัยสำเร็จจะช่วยเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ป่วยในการรักษาได้ นอกจากนี้ ยังมีการวิจัยต่อยอดผลิตภัณฑ์มะระขี้นกในการนำมาใช้เป็นอาหารและยา รวมถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพรอื่นๆ อีกหลายชนิดที่มีศักยภาพในการส่งออกสู่ตลาดโลกได้