วันนี้ (5 ตุลาคม 2567) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่จะจัดขึ้นที่นครเวียงจันทน์ในสัปดาห์นี้ คึกคักเป็นพิเศษหลังจากสื่อมวลชนต่างประเทศให้ความสนใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีของไทย ซึ่งได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร TIME ให้เป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต (Time 100 Next) ประจำปีนี้
โดยการจัดอันดับครั้งนี้แบ่งออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ผู้นำ (Leaders), ศิลปิน (Artists), ผู้สร้างปรากฏการณ์ (Phenoms), ผู้สร้างนวัตกรรม (Innovators) และผู้ให้การสนับสนุน (Advocates) ซึ่งนายกรัฐมนตรีไทยติดอันดับในหมวด "ผู้นำ" โดยนางสาวแพทองธารถือเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในเอเชีย
“นิตยสาร TIME ระบุว่านายกรัฐมนตรีของไทยได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในวัย 38 ปีของเธอ และ เพียง 1 เดือนของการบริหารราชการแผ่นดินของเธอ ทำให้สื่อมวลชนในภูมิภาคอาเซียนต่างให้ความสนใจในฐานะผู้นำที่อายุน้อยที่สุด ที่คาดหวังว่า จะเป็นโอกาสในการขับเคลื่อนนโยบายทางเศรษฐกิจใหม่ ๆ ให้ประเทศไทย"
โดยนายกรัฐมนตรีของไทย เคยกล่าวกับนิตยสาร TIME เมื่อปีที่ผ่านมาว่า “ประเทศไทยต้องการความเปลี่ยนแปลง” ทั้งนี้สื่อมวลชน ต่างเห็นได้จากการบริหารประเทศในช่วงรับตำแหน่ง เพียงหนึ่งเดือนที่มีวิกฤตการณ์อุทกภัยและวาตภัย ที่นายกฯ ลงพื้นที่หลายครั้ง และมีภาวะผู้นำ ทำงานที่ใกล้ชิดอยู่เคียงข้าง ประชาชนในช่วงที่เกิดโศกนาฏกรรมไฟไหม้รถนักเรียน จนทำให้ ผลสำรวจความคิดเห็นของ สำนักโพลในไทยที่มีต่อนายกรัฐมนตรี พุ่งขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในเดือนนี้”
ส่วนของเวทีระดับโลก นางสาวแพทองธารยังได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนระหว่างการประชุมระดับผู้นำกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD) ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสื่อมวลชนต่างชื่นชมในวิสัยทัศน์ของเธอโดยมองว่านายกรัฐมนตรีไทย แม้อายุยังน้อยแต่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่การพัฒนาในอนาคต
นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า ในวันอังคารนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร จะเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 44 และ 45 ที่นครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ระหว่างวันที่ 8-11 ตุลาคมนี้ สื่อมวลชนต่างประเทศจำนวนมากแสดงความสนใจที่จะสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรีไทย โดยการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งนี้จะเน้นการหารือในกรอบทวิภาคีและความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก เพื่อเสริมสร้างพลังให้กับประชาคมอาเซียนในทุกมิติ รวมถึงการเผชิญหน้ากับปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาภูมิรัฐศาสตร์โลก เพื่อให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนในเร็ววันนี้