บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนําของประเทศไทย ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Standard International (สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล) เครือโรงแรม The Standard (เดอะ สแตนดาร์ด) และ Bunkhouse (บังค์เฮาส์) แบรนด์โรงแรมระดับ Top 10 จากการจัดอันดับของ Travel + Leisure’s World Best Awards 2023 เปิดเผยว่า อยู่ระหว่างขั้นตอนการเจรจากับ Hyatt (ไฮแอท) ผู้ประกอบการโรงแรมระดับโลก เพื่อเข้าลงทุนใน Standard International
สะท้อนความสำเร็จและวิสัยทัศน์ของแสนสิริในการดำเนินธุรกิจ และเข้าลงทุนใน Future Growth Business (ธุรกิจที่มีมูลค่าการเติบโตในอนาคต)
โดยแสนสิริ ได้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Standard International ในปี พ.ศ. 2560 และมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจมาโดยตลอด คาดว่าดีลใหญ่ระหว่างแสนสิริและ Hyatt จะสามารถปิดได้ภายในปี 2567
การเข้าลงทุนซื้อกิจการ Standard International ของ Hyatt ครั้งนี้ จะส่งผลดีและสร้าง value added ต่อแสนสิริเป็นอย่างมาก เนื่องจาก Hyatt มีโครงสร้างพื้นฐานที่เข้มแข็งทั่วโลก
โดยเฉพาะโปรแกรมสมาชิก World of Hyatt ที่ประกอบไปด้วยสิทธิพิเศษและข้อเสนอมากมาย จะเป็นส่วนสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่พร็อพเพอร์ตี้ของแสนสิริ
แม้จะมีการซื้อขายในครั้งนี้ แต่แสนสิริยังคงเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ที่สำคัญหลายแห่ง เช่น The Standard, Hua Hin (เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน) The Standard Residences, Hua Hin (เดอะสแตนดาร์ด เรสซิเดนซ์ หัวหิน) The Peri Hotel, Hua Hin (เดอะ เภรี โฮเต็ลหัวหิน) The Peri Hotel, Khao Yai (เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่)
และ The Manner โรงแรมลักซ์ชัวรี่ที่กำลังจะเปิดตัวในย่านโซโหเมืองนิวยอร์กในเดือนกันยายน 2567 และที่สำคัญ แสนสิริยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจ Hospitality และมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ในอนาคต
นอกจากนี้ สัญญาการซื้อขายยังครอบคลุมถึงสัญญาบริหารและแฟรนไชส์สำหรับโรงแรมมากถึง 21 แห่ง รวมประมาณ 2,000 ห้อง ซึ่งรวมถึงโรงแรมที่เปิดให้บริการแล้ว เช่น The Standard, London, The Standard, High Line ในเมืองนิวยอร์ก, The Standard, Bangkok Mahanakhon, Hotel Saint Cecilia ในเมืองออสติน รัฐเท็กซัส และ Hotel San Cristóbal ในเมืองบาฮากาลิฟอร์เนีย ประเทศเม็กซิโก
ซึ่งหลังจากที่บรรลุข้อตกลงตามสัญญา Hyatt จะชำระค่าตอบแทนเริ่มแรกจำนวน 150 ล้านดอลลาร์ และเพิ่มเติมอีกสูงสุดไม่เกิน 185 ล้านดอลลาร์สำหรับโรงแรมแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้การบริหารโดย Hyatt
นายอุทัย อุทัยแสงสุข กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาแสนสิริได้รับการติดต่อจากเชนโรงแรมขนาดใหญ่ระดับโลกหลายแห่ง ซึ่งวิเคราะห์ว่ายังไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีขณะนั้น เนื่องจากพิจารณาจังหวะโอกาส ปัจจัยพื้นฐาน สภาวะตลาด
ตลอดจนนโยบายในการบริหารว่าสอดคล้องกับเป้าหมายและกลยุทธ์ที่แสนสิริกำหนดไว้ คือการสร้างการเติบโตให้กับ Standard International ได้อย่างแข็งแกร่งและมีความมั่นคงในระยะยาว
ปัจจุบัน โอกาสทางธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง จากนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ ส่งผลให้แนวโน้มความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวเริ่มฟื้นกลับ ถือเป็นเวลาที่เหมาะสม มีโมเมนตัมเชิงบวกต่อภาพรวมของธุรกิจ
"แสนสิริ ขอขอบคุณ Hyatt แบรนด์โรงแรมชั้นนำชั้นนำระดับโลก ที่เล็งเห็นถึงศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของ Standard International หนึ่งในธุรกิจทางด้าน Hospitality ของแสนสิริ ถือเป็นก้าวสำคัญในแผนพัฒนาเชิงกลยุทธ์ของ Standard International
โดยมั่นใจว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ของ Hyatt นอกจากจะสะท้อนถึงความสำเร็จในการลงทุน Standard International ของแสนสิริแล้ว ยังเป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ในหลากหลายด้านให้กับลูกค้าและทีมงานของ Standard International อีกด้วย" นายอุทัย กล่าว
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2567 แสนสิริมียอดขายที่โดดเด่นจากมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล โดยสามารถสร้างยอดขายรวมได้ถึง 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 48% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 52,000 ล้านบาท
และมีรายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท คิดเป็น 47% ของเป้าหมายทั้งปีที่ 43,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,700 ล้านบาท ทำให้ แสนสิริ ขึ้นเป็นอันดับ 1 ทั้งในด้านรายได้และกำไรสุทธิเมื่อเทียบกับกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย