การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของดร.มหาธีร์ โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และภริยา ในฐานะแขกของรัฐบาล ระหว่างวันที่ 24-25 ตุลาคม 2561 นับเป็นการเยือนไทยครั้งแรกของผู้นำมาเลเซียหลังจากชนะการเลือกตั้งและเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกิจกรรมส่วนหนึ่งในการเยือนไทยครั้งนี้ ดร.มหาธีร์ ได้รับเชิญมาบรรยายพิเศษในหัวข้อ Malaysia-Thailand Bilateral Relations in the Context of ASEAN ในวันที่ 25 ตุลาคม ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้นำมาเลเซียกล่าวย้ำว่า สายสัมพันธ์ไทย-มาเลเซียนั้นมีมายาวนานตั้งแต่ไทยยังเป็นประเทศสยาม และมาเลเซียเองในเวลานั้นก็ยังอยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ ตั้งแต่ยุคโบราณกาลมานั้น บุคคลในแวดวงชั้นสูงของมาเลเซียนิยมส่งบุตรหลานเข้ามารับการศึกษาที่ประเทศไทย ในรัฐเคดาห์ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ก็มีสายสัมพันธ์อันดีกับประเทศไทย แม้แต่นายกรัฐมนตรีคนแรกของมาเลเซีย ก็เป็นผู้หนึ่งที่มาเข้ารับการศึกษาที่เมืองไทย
ภายหลังจากที่มาเลเซียได้รับเอกราชในปี 1957 มิติความสัมพันธ์ของไทย-มาเลเซียก็ขยายครอบคลุมหลากหลายด้านมากขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ไทยและมาเลเซีย เป็น 2 ใน 5 ประเทศผู้ร่วมก่อตั้งประชาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งพัฒนากลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีสมาชิก 10 ประเทศในทุกวันนี้ โดยแต่ละประเทศสมาชิกสามารถคงความเป็นตัวของตัวเอง แม้จะมีความแตกต่างกันทั้งด้านสังคม วัฒนธรรม และระบอบการปกครอง (เช่นประเทศส่วนใหญ่ของอาเซียนมีระบอบการเมืองการปกครองเป็นประชาธิปไตย แต่บางประเทศก็ยังปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม) อาเซียนก็ยังอยู่ร่วมกันได้ด้วยสันติสุข และสำหรับการปฏิบัติต่อประเทศนอกกลุ่ม อาเซียนก็ยึดถือจุดยืนความเป็นกลางและไม่แทรกแซงกิจการภายในของใคร "เราเชื่อว่าการสลายความแตกต่างและความขัดแย้งนั้น ทำได้ด้วยการพบปะหารือและเจรจากันเพื่อหาทางออก ไม่ใช่ด้วยการใช้ความรุนแรง" และสำหรับปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย มาเลเซียก็เห็นว่าเป็น "หน้าที่" ที่มาเลเซียจะต้องช่วยไทยแก้ไขปัญหา
ในการมองอนาคตของอาเซียนภายภาคหน้าท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคอื่นๆนั้น ดร.มหาธีร์ให้ความเห็นในตอนหนึ่งของช่วงถาม-ตอบคำถามว่า อาเซียนควรจะต้องให้ความสำคัญและทุ่มเทงบประมาณให้กับการวิจัยและพัฒนา เพื่อที่อาเซียนจะได้มีองค์ความรู้และนวัตกรรมเทคโนโลยีของตัวเอง "อาเซียนมีประชากร 600 กว่าล้านคน เป็นตลาดใหญ่ที่เราสามารถทำอะไรได้มาก เราควรจะต้องผลิตสินค้าของเราเองมาขาย ไม่ใช่เอาแต่ซื้อ คิดแต่จะซื้อเขาเอาเพราะมันสะดวกกว่า แบบนี้เราจะไม่พัฒนา อาเซียนต้องผลิต ต้องมีสินค้าของเราเอง แล้วเราจะพัฒนาได้เร็ว"
ดร.มหาธีร์ยังตอบปัญหาที่หลายคนอยากรู้ว่า ในวัย 90 กว่าแล้ว และยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่ทำงานอย่างแข็งขัน ท่านมีเคล็ดลับดูแลสุขภาพอย่างไร ให้ร่างกายแข็งแรงและความคิดเฉียบขาดเช่นนี้ ดร.มหาธีร์ หรือที่หลายคนเรียกว่า ดอคเตอร์เอ็ม ยอมรับว่า เคยผ่านมีดหมอได้รับการผ่าตัดใหญ่รักษาโรคหัวใจมาแล้ว ทุกวันนี้ยังแข็งแรง ทำงานได้ดีเพราะไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ รับประทานอาหารแต่พอควร ไม่กินมากเกินไป ออกกำลังกายบ้างตามสมควร สิ่งหนึ่งที่ท่านเห็นว่าสำคัญคือ การบริหารความคิด ด้วยการอ่าน เขียน และพบปะสนทนา
"ถ้าคุณไม่อ่าน ไม่เขียน ไม่พูดคุย คุณก็จะอ่อนแอลง เหมือนกับกล้ามเนื้อที่ไม่ได้เคลื่อนไหว ก็จะอ่อนแรง ไม่มีพลัง สมองก็เหมือนกัน ถ้าคุณไม่ทำอะไรเลย มันก็จะอ่อนแรง ผมถึงไม่อยู่เฉยๆ ยังหาเรื่องทะเลาะกับใครไปเรื่อย" ดร.มหาธีร์ให้เคล็ดไม่ลับเรียกเสียงหัวเราะลั่นหอประชุมจุฬาฯ