วันที่ 25 มกราคม เวลา 02.00 น. ผลฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบ 4 เป็นศึกแดงเดือด ปรากฏว่าแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เปิดรังคว้าสิทธิ์ "เราชนะ" เหนือคู่ปรับลิเวอร์พูล สุดมันส์ 3 -2 เข้ารอบที่ 5 ต่อไป
โดยนาที 14 เอดินสัน คาวานี่ จ่ายบอลออกข้างให้ เมสัน กรีนวู้ด กระชากเข้าเขตโทษ แล้วสับไกยิง แต่บอลหลุดเสาแรกออกหลังไป
แต่แล้ว เป็น หงส์แดง ที่ได้ประตูขึ้นนำในนาที 18 โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ แทงบอลทะลุช่องให้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หลุดกับดักล้ำหน้า ไปยกบอลด้วยขวาข้ามตัว ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าไปตุงตาข่าย ทีมเยือน บุกนำ 1-0
นาที 23 เคอร์ติส โจนส์ ได้ยิงจากหน้าเขตโทษ แต่บอลเบา และพุ่งไปตรงตัว นายทวารปีศาจแดง
นาทีต่อมา เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ได้โอกาสปั่นฟรีคิก ทว่าบอลยังโด่งข้ามคานออกไป
ทว่า นาที 26 ยูไนเต็ด มาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะสวนกลับเร็ว มาร์คัส แรชฟอร์ด โยนบอลจากกลางสนามให้ เมสัน กรีนวู้ด ที่วิ่งเติมขึ้นมาจากแดนตัวเอง ก่อนหลุดเข้าไปเอาบอลลง แล้วซัดด้วยขวาบอลพุ่งเสียบเสาสอง ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1
2 นาทีต่อมา แมนยูได้ลุ้นจากจังหวะที่ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค หลุดเข้าไปหน้าประตู แต่ อลีสซง เบ็คเกอร์ ออกมาปิดมุมไว้ได้ทัน
นาที 35 ลุค ชอว์ เปิดลูกเตะมุมให้ ปอล ป็อกบา ได้โหม่งเต็มๆ แต่บอลลอยโด่งข้ามคานออกหลังไป
2 นาทีให้หลัง แมนยูได้ลูกเตะมุมอีกครั้ง คราวนี้เป็น สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่ขึ้นโขก ทว่าบอลก็ยังคงไม่ตรงกรอบ
จากนั้น นาที 43 ปอล ป็อกบา ลองปั่นฟรีคิก แต่บอลโค้งไม่พอ ทำให้หลุดกรอบออกไป
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก ป็อกบา ได้ยิงจากหน้าเขตโทษ แต่บอลก็ยังไม่ตรงกรอบ ทำให้จบครึ่งเวลาแรก สกอร์ยังเสมอกันอยู่ที่ 1-1
ครึ่งหลัง นาที 48 เจ้าถิ่นได้ประตูแซงนำ ซึ่งมาจากจังหวะสวนกลับอีกครั้ง แล้วก็เป็นการประสานงานของคู่เดิม แต่คราวนี้เป็น เมสัน กรีนวู้ด ที่เปิดบอลให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด หลุดเดี่ยวบ้าง ก่อนที่ แรชฟอร์ด จะแปบอลด้วยขวาผ่านมือ อลีสซง เบ็คเกอร์ เข้าประตูไปอย่างง่ายดาย แมนยู พลิกนำ 2-1
แต่แล้ว นาที 58 หงส์แดง ตามตีเสมอได้สำเร็จ เจมส์ มิลเนอร์ ตัดบอลได้ในแดนแมนยู แล้วส่งออกข้างซ้ายให้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ก่อนที่ ฟีร์มิโน่ จะเปิดบอลเข้ากลาง มิลเนอร์ ปล่อยให้บอลไหลไปเข้าทาง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิงด้วยซ้าย บอลลอดขา ดีน เฮนเดอร์สัน เข้าประตูไป สกอร์กลับมาเท่ากันอีกครั้งที่ 2-2
นาที 67 โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้โอกาสหลุดเข้าไปยิงในเขตโทษ แต่ เฮนเดอร์สัน ยังเซฟไว้ได้
ต่อมา นาที 75 ซาลาห์ ได้ยิงอีกครั้ง แต่บอลก็ยังไปเข้ามือ มือกาวเจ้าบ้าน
นาที 78 ปีศาจแดง ได้ประตูขึ้นนำอีกครั้ง จากลูกฟรีคิกบริเวณใกล้เส้นกรอบ 18 หลา ซึ่งเป็น บรูโน่ แฟร์นันด์ส ตัวสำรองเจ้าถิ่น ที่ปั่นด้วยขวา บอลพุ่งเสียบเสาไกลอย่างหมดจด แมนยู นำ 3-2
นาที 89 แมนยู เกือบได้ประตูที่สี่ บรูโน่ เปิดบอลให้ เอดินสัน คาวานี่ ขึ้นโขกเต็มๆ อลีสซง เบ็คเกอร์ หมดสิทธิ์ป้องกันไปแล้ว แต่บอลพุ่งชนเสา แล้วกระดอนออกไปอย่างน่าเสียดาย
ทำให้จบเกมการแข่งขัน เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านเฉือนชนะ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบ 5 หรือ รอบ 16 ทีมสุดท้าย ไปพบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
สำหรับรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนาม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดีน เฮนเดอร์สัน (GK), อารอน วาน-บิสซาก้า, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, ปอล ป็อกบา, เมสัน กรีนวู้ด, ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เอดินสัน คาวานี่
ลิเวอร์พูล : อลีสซง เบ็คเกอร์ (GK), เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, รีห์ส วิลเลียมส์, ฟาบินโญ่, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, เจมส์ มิลเนอร์, เคอร์ติส โจนส์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
ที่มา Livescore.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศึกแดงเดือด เอฟเอ คัพ แมนยู พบ ลิเวอร์พูล คืนนี้ไม่มีคำว่าเสมอ