KEY
POINTS
เชลล์ (Shell) บริษัทใหญ่ใน อุตสาหกรรมพลังงานและปิโตรเคมี ชื่อดังระดับโลกจากสหราชอาณาจักร และเป็นเจ้าของ “ปั๊มน้ำมันเชลล์” แบรนด์ดังสถานีบริการน้ำมันในหลายประเทศโดยเฉพาะในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับ บริษัทซาอุดี อารามโก (Saudi Aramco) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานรายใหญ่ที่สุดในประเทศซาอุดิอาระเบีย เพื่อเสนอขายธุรกิจปั๊มน้ำมันเชลล์ทั้งหมดในประเทศมาเลเซีย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวอย่างน้อย 4 รายที่เกี่ยวข้องกับการเจรจาแต่ไม่ประสงค์เอ่ยนามเมื่อต้นสัปดาห์ (7 พ.ค.) ว่า มูลค่าการซื้อขายธุรกิจปั๊มน้ำมันเชลล์ในประเทศมาเลเซียครั้งนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 37,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ สถานีบริการน้ำมันของเชลล์ถือว่าเป็นเครือข่ายธุรกิจปั๊มน้ำมันที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในประเทศมาเลเซีย จากข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัทเชลล์พบว่า มีสถานีบริการน้ำมันเชลล์จำนวนมากถึง 950 แห่งในประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกอาเซียน โดยจำนวนสาขาดังกล่าวนั้นเป็นรองแต่เพียงบริษัทปิโตรนาส (Petronas) ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของประเทศมาเลเซีย
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การเจรจาซื้อขายสถานีบริการของเชลล์ในมาเลเซียเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2566 และอาจจะได้ข้อสรุปสุดท้ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งประเมินว่า มูลค่าของการเสนอขายกิจการดังกล่าวอยู่ระหว่าง 844 ถึง 1,060 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4,000-5,000 ล้านริงกิต) หรือคิดเป็นเงินไทยราว 31,228-39,220 ล้านบาท
บริษัทซาอุดี อารามโกเอง แม้จะเป็นยักษ์ใหญ่จากซาอุดีอาระเบียและมีสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศของตัวเอง แต่ก็ยังไม่มีสถานีบริการน้ำมันในมาเลเซีย บริษัทถือหุ้น 50% ในโรงกลั่นเปงเกอรัง (Pengerang) ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนกับปิโตรนาส ตั้งอยู่ในรัฐยะโฮร์และมีกำลังการผลิต 300,000 บาร์เรลต่อวันป้อนให้กับตลาดมาเลเซียและส่งออกบางส่วน
สำหรับเชลล์นั้น นอกจากธุรกิจปั๊มน้ำมันแล้ว บริษัทยังมีธุรกิจจำหน่ายน้ำมันหล่อลื่นภาคอุตสาหกรรม และมีฐานผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่งรัฐซาราวักและรัฐซาบาห์ของมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังเป็นหุ้นส่วนในบริษัทร่วมทุนด้านก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) อีกสองแห่ง
นายวาเอล ซาวัน (Wael Sawan) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเชลล์ เปิดเผยว่า การเจรจาขายธุรกิจปั๊มน้ำมันเชลล์ในมาเลเซียให้กับอารามโกในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์หลักของเชลล์ในปัจจุบัน ที่ต้องการเน้นธุรกิจที่มีการทำกำไรได้มากที่สุด ก่อนหน้านี้ บริษัทเคยประกาศแผนการจะขายสถานีบริการน้ำมันจำนวน 500 แห่งภายในปีนี้และปีหน้า (2568) นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการขายกิจการโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปและธุรกิจปิโตรเคมีทั้งหมดในประเทศสิงคโปร์ด้วย
ที่ประเทศสิงคโปร์ เชลล์ได้บรรลุข้อตกลงขายกิจการโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปและธุรกิจปิโตรเคมีทั้งหมดในประเทศสิงคโปร์ให้กับกลุ่มบริษัทร่วมลงทุนยักษ์ใหญ่ของประเทศอินโดนีเซียมีชื่อว่า จันทรา อาศรี แคปปิตอล แอนด์ เกรนคอร์ อาเซียน โฮลดิ้งส์ หรือ ซีเอจีพี (CAGP) แต่ขณะนี้ ยังไม่ได้มีการเปิดเผยมูลค่าของการเสนอขายกิจการดังกล่าว
ข่าวระบุว่า การขายธุรกิจปั๊มน้ำมันในมาเลเซียมีความสอดคล้องกับการขายกิจการโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปและธุรกิจปิโตรเคมีในสิงคโปร์ เนื่องจากโรงกลั่นดังกล่าวซึ่งตั้งอยู่บนเกาะบูคอม (Bukom Island) ของสิงคโปร์ ผลิตน้ำมันป้อนให้กับสถานีบริการน้ำมันของเชลล์ในมาเลเซียนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม การขายธุรกิจโรงกลั่นฯและปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ในสิงคโปร์ของเชลล์ครั้งนี้จะต้องผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากองค์กรกำกับดูแลการแข่งขันในประเทศสิงคโปร์ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาถึงช่วงสิ้นปีนี้
สำหรับโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปของบริษัทเชลล์ในสิงคโปร์ก่อตั้งมาราว 63 ปี หรือนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2504 มีกำลังการผลิตถึง 237,000 บาร์เรลต่อวัน และสามารถกลั่นเอธิลีนถึง 1,000,000 เมติกตันต่อปี ทั้งโรงกลั่นและปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ตั้งอยู่บนเกาะบูคอม บริษัทยังมีโรงงานผลิตเอธิลีนโมเลกุลเดี่ยวตั้งอยู่ในเขตจูร่ง ของประเทศสิงคโปร์อีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง