"ชิเกรุ อิชิบะ" นักการเมืองวัย 67 ปี ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เมื่อวันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2567 ผ่านมา ส่งผลให้เขามีโอกาสสูงที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น หลังจากความพยายามถึง 5 ครั้ง อิชิบะได้เอาชนะคู่แข่งสำคัญอย่างซานาเอะ ทาคาอิจิ ในการลงคะแนนรอบสุดท้าย
อิชิบะ เกิดเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2500 ในกรุงโตเกียว เติบโตในครอบครัวนักการเมือง โดยบิดาของเขา จิโร่ อิชิบะ เคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดทตโตริและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หลังจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเคโอ อิชิบะทำงานในธนาคารก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วงการเมืองหลังจากบิดาเสียชีวิต
อิชิบะได้รับเลือกเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี 2529 ด้วยวัยเพียง 29 ปี นับเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่อายุน้อยที่สุดในขณะนั้น ตลอดเส้นทางการเมือง เขาได้ดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง รวมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง
อิชิบะมีชื่อเสียงในฐานะนักการเมืองที่กล้าแสดงความคิดเห็นและวิพากษ์วิจารณ์แม้กระทั่งพรรคของตัวเอง เขาเคยสนับสนุนการลงมติไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรี คิอิจิ มิยาซาวะ ในปี 2536 และวิพากษ์วิจารณ์ ชินโซ อาเบะ ตลอดช่วงการดำรงตำแหน่งวาระที่สอง แม้ว่าจะเคยร่วมรัฐบาลของทั้งสองคน
ในด้านนโยบายสังคม อิชิบะมีจุดยืนที่ค่อนข้างเสรีนิยม โดยสนับสนุนการอนุญาตให้คู่สมรสใช้นามสกุลแยกกันได้ และการรับรองการสมรสเพศเดียวกัน
ในด้านนโยบายต่างประเทศ อิชิบะ เสนอแนวคิดการจัดตั้ง "NATO แห่งเอเชีย" เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีน รัสเซีย และเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกัน เขาก็เรียกร้องให้มีการทูตและการมีส่วนร่วมกับจีนที่เข้มแข็งขึ้น แทนที่จะเป็นการเผชิญหน้า
อิชิบะยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร หรือที่เรียกว่า "กุนจิ โอตาคุ" (military geek) โดยมีความสนใจและความรู้เกี่ยวกับระบบอาวุธและประเด็นทางกฎหมายเกี่ยวกับการป้องกันประเทศ เขาเคยเสนอแนวคิดให้ญี่ปุ่นมีหน่วยงานที่เทียบเท่ากับนาวิกโยธินสหรัฐฯ เพื่อปกป้องเกาะเล็กเกาะน้อยของประเทศ
ในฐานะผู้นำพรรค LDP และผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของญี่ปุ่น อิชิบะกำลังเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชันในพรรค การฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ซบเซามานาน และการรับมือกับภัยคุกคามด้านความมั่นคงและการทูตที่กำลังเกิดขึ้นในเวทีโลก
ด้วยประสบการณ์ทางการเมืองอันยาวนานและแนวคิดที่ก้าวหน้า ชิเกรุ อิชิบะอาจเป็นผู้นำที่ญี่ปุ่นต้องการในช่วงเวลาแห่งความท้าทายนี้ อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถนำพาประเทศไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นได้จริง ท่ามกลางความคาดหวังที่สูงจากประชาชนและพันธมิตรระหว่างประเทศ