28 ตุลาคม 2567 รอยเตอร์รายงานว่า ผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่น ปรากฎว่า พรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ของนายชิเงรุ อิชิบะ นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาล สูญเสียเสียงข้างมากในรัฐสภา
การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ต.ค. 2567 ที่ผ่านมา พรรค LDP และพรรคร่วมรัฐบาลได้รับที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรรวมกันเพียง 215 ที่นั่ง ต่ำกว่า 233 ที่นั่งสำหรับเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาล ส่งผลให้เกิดการแย่งชิงระหว่างพรรคต่างๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ตามรัฐธรรมนูญญี่ปุ่น พรรคการเมืองต่างๆ มีเวลา 30 วันในการเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ท่ามกลางความไม่แน่นอนว่านายอิชิบะ ที่เพิ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ไม่ถึงเดือน จะสามารถรักษาตำแหน่งไว้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะหลังจากพรรค LDP ได้รับคะแนนเสียงต่ำที่สุดนับตั้งแต่พ่ายแพ้การเลือกตั้งในปี 2552
การเลือกตั้งทั่วไปญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 27 ต.ค.2567 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้กับการเมืองญี่ปุ่น เมื่อพรรค LDP ที่ครองอำนาจมายาวนานและพรรคร่วมรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งแรกในรอบ 11 ปี สะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อปัญหาหลายประการที่สั่งสมมานาน
พรรค LDP ซึ่งมี ส.ส. 247 ที่นั่งก่อนการเลือกตั้ง ลดลงเหลือ 191 ที่นั่ง ต่ำกว่า 233 ที่นั่งที่จำเป็นสำหรับเสียงข้างมาก ซึ่งพรรคเคยครองมาตั้งแต่ปี 2012 ในสภาผู้แทนราษฎร
การพ่ายแพ้ครั้งประวัติศาสตร์ของ LDP มีสาเหตุสำคัญจากปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะปัญหาอื้อฉาวทางการเงิน ความไม่โปร่งใสในการบันทึกเงินบริจาคทางการเมืองของ ส.ส. กว่า 40 คน ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อความน่าเชื่อถือของพรรค แม้จะมีคำมั่นสัญญาว่าจะปฏิรูป
ขณะเดียวกันยังมีปัญหาค่าครองชีพ จากภาวะเงินเฟ้อและราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชน สะท้อนความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล
การจัดตั้งรัฐบาลที่ท้าทาย
ผลการเลือกตั้งครั้งนี้ทำให้การเมืองญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะไม่แน่นอน โดยมีความเป็นไปได้หลายรูปแบบ โดยพรรค LDP และพรรคโคเมโตะที่ได้ที่นั่งรวมกัน 215 ที่นั่ง จำเป็นต้องแสวงหาพันธมิตรเพิ่มเติมเพื่อให้ได้เสียงข้างมาก 233 ที่นั่ง
ขณะที่พรรคประชาธิปไตยรัฐธรรมนูญ (CDPJ) ที่เพิ่มที่นั่งเป็น 148 ที่นั่ง มีโอกาสที่จะรวบรวมพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ บทบาทของพรรคขนาดกลาง ทั้งพรรคนวัตกรรมญี่ปุ่นที่มี 38 ที่นั่ง และพรรคประชาธิปไตยเพื่อประชาชน (DPP) ที่มี 28 ที่นั่ง อาจกลายเป็นผู้ชี้ขาดในการจัดตั้งรัฐบาลญี่ปุ่นในครั้งนี้