ผู้ที่ต้องการเดินทางออกจากสหรัฐอเมริกา การแสวงหาชีวิตในฐานะชาวต่างชาติมักเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีราคาแพง เช่น นิวยอร์กซิตี้หรือซานฟรานซิสโก ซึ่งค่าครองชีพยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง นิวยอร์กยังคงเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในอเมริกาเหนือ โดยอยู่ในอันดับที่ 6 ของโลก
แต่การย้ายถิ่นฐานไปทำงานในต่างประเทศก็อาจมาพร้อมกับราคาที่สูงเช่นกัน ตามการจัดอันดับ ค่าครองชีพประจำปี 2023 ของ Mercer ซึ่งจัดอันดับ 227 เมืองใน 5 ทวีป โดยเปรียบเทียบต้นทุนสินค้าและบริการในแต่ละสถานที่
เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลกสำหรับชาวต่างชาติ "ฮ่องกง" ซึ่งติดอันดับเป็นปีที่สองติดต่อกัน
นี่คือ 10 เมืองที่แพงที่สุดสำหรับชาวต่างชาตินอกสหรัฐอเมริกา
ในสหรัฐอเมริกา ข้อมูลพบว่าค่าครองชีพเพิ่มขึ้นในทุกเมืองของอเมริกาที่วิเคราะห์ ในการจัดอันดับโลก นิวยอร์กอยู่ในอันดับที่ 6 ตามมาด้วยลอสแองเจลิส อันดับที่ 11 ซานฟรานซิสโก อันดับที่ 14 และโฮโนลูลู อันดับที่ 15
นอกจากนี้ ดีทรอยต์ ฮูสตัน และคลีฟแลนด์มีค่าครองชีพเพิ่มขึ้นมากที่สุดในบรรดาเมืองต่างๆ ของสหรัฐฯ ในปีนี้
สำนักข่าว CNBC รายงานว่า ค่าครองชีพเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อต้องการย้ายไปต่างประเทศ แม้ว่า "ฮ่องกง" จะเป็นเมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นเสมอไป ในความเป็นจริงอยู่ในอันดับที่ 78 ในหมวดหมู่นั้น
ในทางกลับกัน เมืองทั่วโลกบางแห่งอาจให้ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าแก่ชาวต่างชาติและอาจมีคุณภาพชีวิตที่สูงขึ้น ตัวอย่างเช่น บาร์เซโลนา ประเทศสเปน อยู่ในอันดับที่ 75 สำหรับค่าครองชีพสูงสุด แต่อันดับที่ 47 สำหรับคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุด
Lee Quane ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชียของ ECA International เคยกล่าวว่า ค่าที่พักที่สูงเป็นพิเศษทำให้ฮ่องกงขึ้นสู่อันดับหนึ่งเมืองที่แพงที่สุดแห่งปี เพราะฮ่องกงเป็นเมืองขนาดเล็ก แต่ด้วยความเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงิน จึงดึงดูดคนมาทำงานเป็นจำนวนมาก
ข้อมูล
cnbc , Cost of Living City Ranking 2023