รู้หรือยัง ต้นไม้ชนิดไหน ขายคาร์บอนเครดิต 120 บาท/ตัน ได้บ้าง ?

นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โพสต์เฟซบุ๊ก TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปะอาชา อัพเดทต้นไม้ชนิดไหนทำคาร์บอนเครดิต ได้บ้าง ?   วันนี้จะยกตัวอย่างพันธุ์ไม้ ต้นไม้มากกว่า 50 ชนิด ได้แก่ ตะเคียนทอง, ตะเคียนหิน, ตะเคียนชันตาแมว, ไม้สกุลยาง (ไม่รวมยางพารา), สะเดา, สะเดาเทียม, ตะกู, ยมหิน, ยมหอม, นางพญาเสือโคร่ง, นนทรี,สัตบรรณ, ตีนเป็ดทะเล, พฤกษ์, ปีบ, ตะแบกนา, เสลา, อินทนิลน้ำตะแบกเลือด, นากบุด, ไม้สัก, พะยูง, ชิงชัน, กระซิก, กระพี้เขาควาย,สาธร,

 

 แดง, ประดู่ป่า, ประดู่บ้าน, มะค่โมง, มะค่าแต้ ,เคี่ยม. เคี่ยมคะนอง,เต็ง, วัง, พะยอม, ไม้สกุลจำปี (จำปีสิรินธร จำปีป่า จำปีถิ่นไทย จำปิดงจำปีแขก จำปีเพชร), แคนา, กัลปพฤกษ์, ราชพฤกษ์, สุพรรณิการ์,เหลืองปรีดียาธร, มะหาด, มะขามป้อม, หว้า, จามจุรี, พลับพลา, กันเกรา,กะพังใบใหญ่, หลุมพอ, กฤษณา, ไม้หอม, เทพทาโร, ฝาง, ไผ่ทุกชนิด,ไม้สกุลมะม่วง, ไม้สกุลทุเรียน และมะขาม

 

ปัจจุบันการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ #ตลาดคาร์บอนภาคบังคับ เป็นตลาดคาร์บอนที่มีกฎหมาย หรือ ข้อบังคับ ชัดเจน โดยรัฐจะเข้ามาควบคุมปริมาณในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของแต่ละโรงงานหรือบริษัท ส่วนของไทยเองจะเป็นแบบตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ โดยกลุ่มนี้เป็นตลาดที่ไม่มีกฎหมายเกี่ยวกับการมาควบคุมก๊าซเรือนกระจกมาบังคับ โดยบริษัทจะสามารถตั้งเป้าหมายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เอง

.

การซื้อขายคาร์บอนเครดิต สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ ได้แก่

 

1.ผ่านแพลตฟอร์มตลาดซื้อขาย หรือ ศูนย์ซื้อขายคาร์บอนเครดิตที่ตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการ

 

2.ซื้อขายในระบบทวิภาค เป็นการซื้อขายระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อโดยตรง

.

ทั้งนี้ตลาดคาร์บอนในต่างประเทศมีการเติบโตเป็นอย่างมาก เนื่องจากใช้ต้นทุนน้อย ตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้แก่ สหภาพยุโรป จีน ออสเตรเลีย และแคนาดา ทั้งนี้ตลาดคาร์บอนเครดิตของไทยในปัจจุบันยังมีการซื้อขายเป็นจำนวนน้อย เนื่องจากตลาดคาร์บอนของไทยเป็นตลาดภาคสมัครใจ และมีต้นทุนที่สูง เช่น การตรวจวัด การรายงาน และการทวนสอบ (MRV) ในการรับรองคาร์บอนเครดิต (Transaction Cost) ทำให้ผู้ประกอบการหลายคนอาจจะยังไม่กล้าลงทุนในส่วนนี้

.

ปัจจุบันราคาขายของคาร์บอนเครดิตเฉลี่ยอยู่ที่ 120 บาท/ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า โดยปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์เฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 231,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งแนวโน้มของตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตในอนาคต นั้นจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นใครทำก่อนยิ่งได้เปรียบ เพราะคู่แข่งยังน้อย ก็ยิ่งทำให้คุณมีโอกาสมากขึ้น นอกจากจะได้ช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและช่วยลดโลกร้อนให้กับโลกของเราแล้ว แถมยังได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้และภาษีกำไรสุทธิจากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตอีกด้วย

 

 

อนึ่ง เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 กรมพัฒนาธุรกิจระบุว่ามีการจดทะเบียนนำต้นไม้มาเป็นหลักประกันทั้งสิ้น 146,282 ต้น เป็นจำนวนเงินค้ำประกัน 137,117.712 บาท