นายคิริล ดมิทริฟ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกองทุนความมั่งคั่ง RDIF ของรัสเซีย ซึ่งให้การสนับสนุนการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 กล่าวว่า รัสเซียได้พัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา โดยเป็นการต่อยอดจากวัคซีนต้านไวรัสอีโบลา และวัคซีนป้องกันโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ MERS
นายดมิทริฟกล่าวว่า การพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสอีโบลา และวัคซีนป้องกันโรค MERS ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้ช่วยให้รัสเซียสร้างวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัสเซีย เริ่มผลิตวัคซีนโควิด ภายใน 2 สัปดาห์รองรับผู้ป่วยในปท.
"ปูติน"ชูการจดทะเบียนวัคซีนต้านโควิดเทียบเท่าการส่งดาวเทียม"สปุตนิก"
WHO ยังไม่มีข้อมูลที่จะประเมินวัคซีนต้านโควิดของรัสเซีย
ปูติน ยอมให้ลูกสาวทดสอบฉีดวัคซีนไวรัสโควิด
"เราโชคดีที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีความใกล้เคียงกับไวรัส MERS ทำให้เราสามารถพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่โดยต่อยอดจากวัคซีน MERS" นายดมิทริฟกล่าว
RDIF แถลงว่า รัสเซียจะเริ่มการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเดือนหน้า โดยขณะนี้รัสเซียได้รับคำสั่งซื้อวัคซีนกว่า 1 พันล้านโดสจาก 20 ประเทศทั่วโลก
นอกจากนี้ รัสเซียจะผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวนมากกว่า 500 ล้านโดสต่อปีใน 5 ประเทศ และมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นอีก
นายดมิทริฟยืนยันว่า วัคซีนดังกล่าวจะสามารถนำออกสู่ตลาดได้ภายในเดือนพ.ย.
"เราจะสามารถส่งมอบวัคซีนไปยังประเทศของคุณภายในเดือนพ.ย./ธ.ค. ถ้าเราได้รับการอนุมัติจากผู้ควบคุมกฎระเบียบ แต่สำหรับผู้ที่ยังมีความเคลือบแคลงใจต่อวัคซีนดังกล่าว ก็จะไม่ได้รับมัน และเราขออวยพรให้พวกเขาประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนของตนเอง" นายดมิทริฟกล่าว
ทั้งนี้ หลายฝ่ายแสดงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการที่รัสเซียสามารถพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว โดยได้รับการจดทะเบียนเมื่อวานนี้ ขณะที่วัคซีนดังกล่าวใช้เวลาทดลองทางคลินิกกับมนุษย์ไม่ถึง 2 เดือน และยังไม่มีการทดลองในเฟส 3 ขณะที่การทดลองทางคลินิกประสบความสำเร็จเพียง 10%