ศาลฎีกาสั่งจำคุก "สนธิญาณ" 8 เดือน คดีขวางเลือกตั้ง รอลงอาญา 2 ปี

28 พ.ค. 2567 | 04:44 น.
อัพเดตล่าสุด :28 พ.ค. 2567 | 04:58 น.

ศาลฎีกาสั่งจำคุก 8 เดือน “สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม” คดีขวางเลือกตั้ง แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่นบาท ส่วนอีก 3 กปปส. ยืนยกฟ้อง

วันนี้ (28 พ.ค.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีกบฎ กปปส.สำนวนแรก หมายเลขดำ อ.1191/2557, อ.1298/2557 , อ.1328/2557 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม อายุ 66 ปี แกนนำ กปปส. และผู้บริหารท็อปนิวส์, นายสกลธี ภัททิยกุล อายุ 47 ปี อดีต สส.กทม. ร่วมชุมนุม, นายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อายุ 73 ปี อดีตอธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และอดีตประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง และสภาปฏิรูปการเมือง (สปช.) และนายเสรี วงศ์มณฑา อายุ 75 ปี นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด 

โดยทั้งหมดเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฎ, กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือวิธีอื่นใดที่ไม่ใช่การกระทำในความมุ่งหมายตามรัฐธรรมนูญเพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือความไม่สงบในราชอาณาจักรฯ, อั้งยี่, ซ่องโจร, และร่วมกันขัดขวางเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้ง, ร่วมกันขัดขวางการปฏิบัติงานของ กกต. และข้อหารวม 8 ข้อหา

สำหรับคดีสำนวนแรกนี้ อัยการยื่นฟ้องตั้งแต่ปี 2557 กรณีสืบเนื่องจากการร่วมชุมนุมกันของ กปปส.ที่มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นผู้นำการชุมนุม เพื่อขับไล่รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 23 พ.ย.56-1 พ.ค.57 ซึ่งมีการพาผู้ชุมนุมบุกรุกปิดสถานที่ราชการหลายแห่ง รวมทั้งขัดขวางการเลือกตั้ง 

ท้ายคำฟ้องอัยการโจทก์ ยังได้ขอให้ศาลมีคำสั่งเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งของจำเลยด้วยมีกำหนด 5 ปี ขณะที่จำเลยทั้ง 4 ราย ให้การปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมตั้งทนายความสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทั้งสี่ ก็ได้รับการปล่อยชั่วคราว ซึ่งคดีเริ่มสืบพยานตั้งแต่ปี 2558-2562

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง เมื่อวันที่ 25 ก.ค.62, ศาลอุทธรณ์พิพากษาเเก้โทษ จำคุกนายสนธิญาณ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา รวมถึงมีคำสั่งให้เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้ง 5 ปี ส่วนจำเลยที 2-4 ยกฟ้อง ขณะที่วันนี้จำเลยทั้ง 4 เดินทางมาศาลโดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด

วันนี้มีประเด็นเฉพาะฎีกา จำเลยที่ 1 นายสนธิญาณ โดยศาลฎีกาพิพากษาเเก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก นายสนธิญาณ 8 เดือน เเต่พิจารณาเเล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายมาก ไม่เคยรับโทษมาก่อน ประกอบอาชีพเป็นสื่อมวลชน เห็นควรให้ประกอบอาชีพไปรับใช้สังคม การลงโทษจำคุกระยะสั้นไม่เกิดประโยชน์ เเต่เพื่อให้หลาบจำ เห็นควรรอลงอาญา 2 ปี ปรับ 2 หมื่น ส่วนจำเลยที่เหลือให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ต่อมา นายสนธิญาณ ให้สัมภาษณ์ว่า ยอมรับคำพิพากษาของศาล โดยศาลได้พิจารณาตามหลักฐานที่มี ต้องกราบขอบพระคุณศาลที่เห็นว่าโทษจำคุก 8 เดือน เป็นระยะเวลาที่สั้นนั้น ควรให้ตนเองออกมาทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติในฐานะสื่อมวลชน 
"ผมคงจะต้องไปทำหน้าที่ต่อไปตามสิ่งที่ตนเองได้ทำมาจนถึงทุกวันนี้ตลอด 40 ปี หวังว่าสิ่งที่ทำจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติตามที่ศาลให้โอกาส”