การลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เติบโตต่อเนื่อง สะท้อนจาก 6 เดือนแรก ปี 2567 มีคำขอรับการส่งเสริม การลงทุนจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ในภาคตะวันออก สูงถึง 625โครงการ มูลค่า 211,569 ล้านบาท จากภาพรวม 1,412 โครงการ เงินลงทุน 458,359 ล้านบาท
ส่งผลดีต่อธุรกิจโลจิสติกส์ โกดังคลังสินค้า นิคมอุตสาหกรรมที่เปิดพื้นที่รองรับ ในอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับ อีเอสอาร์ กรุ๊ป หรือ ESR หนึ่งในบริษัทบริหารจัดการการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกเข้าปักหมุดโครงการอีเอสอาร์ เอเชีย แหลมฉบัง หนึ่งในสี่โครงการภายใต้ อีเอสอาร์ ประเทศไทย
ตอกยํ้าเป้าหมายในการนำเสนอ “โซลูชันด้านพื้นที่และการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน” และเสริมศักยภาพ ประเทศไทยโดยไม่จำกัดเพียงการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยังรวมถึงการผสานแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน เทคโนโลยีขั้นสูงสร้างมูลค่าระยะยาวให้กับธุรกิจ ชุมชน และนักลงทุน
นายสยาม ทองกระบิล ผู้บริหารสูงสุดประเทศไทย ของ ESR ให้สัมภาษณ์ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าประเทศไทยถือเป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของอีเอสอาร์ มีจุดเด่นด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ มีแรงงานฝีมือ มีความพร้อมทางสาธารณูปโภคพื้นฐานและการสนับสนุนจากภาครัฐโครงการอีเอสอาร์ เอเชีย แหลมฉบัง
ตั้งอยู่บนถนนมอเตอร์เวย์หมายเลข 7 ซึ่งเชื่อมต่อกรุงเทพฯ และจังหวัดในอีอีซี ใกล้กับท่าเรือแหลมฉบังซึ่งเป็นท่าเรือนํ้าลึกหลักของประเทศไทย บนพื้นที่ขนาด 345,468 ตารางเมตรและมีกำหนดการแล้วเสร็จในปี 2568 คาดว่าจะเกิดการจ้างงานประมาณ 1,200 ตำแหน่ง โดยออกแบบคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหลัก
ขณะแผนลงทุนใน 3 ปี 5ปี ของ ESR มุ่งมั่นขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจของไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ดำเนินธุรกิจไปสู่ New economy และสอดคล้องกับแนวคิดความยั่งยืน ซึ่งจะช่วยผลักดันประเทศไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนตํ่า
โดยบริษัทตั้งเป้าขยายธุรกิจการบริการจัดการสินทรัพย์ทั้งทางด้านโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมในประเทศไทย ให้ได้เป็น 2 ล้าน ตารางเมตร ภายใน 5 ปี หรือคิดเป็นเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3.3 หมื่นล้านบาท(คำนวณที่ 33 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) และตั้งเป้าจะขยายการดำเนินงานไปยังหัวเมืองในภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไทย เช่น ขอนแก่น เชียงใหม่ และสุราษฎร์ธานี
ส่วนศักยภาพพื้นที่ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐล่าช้า เช่น รถไฟความเร็วสูง -เมืองการบิน นายสยามมองว่า ความจริงแล้วปัจจุบันสนามบินอู่ตะเภาสามารถให้บริการ Air Freight ได้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดบริการ Commercial Flight เท่านั้น ส่วนเรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆของรัฐบาล อย่างการสร้างรถไฟความเร็วสูงที่ล่าช้า ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนของกลุ่มลูกค้ามากนัก
ทางด้านการแข่งขัน ต้องยอมรับว่า ธุรกิจนี้มีการแข่งขันสูงมาก โดยเฉพาะการแข่งขันกับบริษัท Local ด้วยอานิสงส์ของการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลากหลายบริษัทหันมาทำธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์
โดยเฉพาะ Logistics Warehouse เพื่อสนับสนุนความต้องการจากธุรกิจ E-commerce ตามมาด้วยธุรกิจ Industrial Estate ที่ช่วยให้มีรายได้ที่มีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น เมื่อเทียบกับการทำธุรกิจ Commercial Estate
อย่างไรก็ตาม ESR ให้ความสำคัญกับการทำธุรกิจเพื่อความยั่งยืนเป็นอันดับแรก โดยมองว่าตลาดมีแนวโน้มความต้องการในเรื่อง การดำเนินงานเพื่อความยั่งยืนมากขึ้นรวมถึงการพัฒนาและดำเนินธุรกิจโดยมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมสังคมจะเป็นมาตรฐานการดำเนินธุรกิจใหม่ของสังคม
และแม้ว่าธุรกิจบริหารจัดการอสังหา ริมทรัพย์จะไม่ใช่ New economy business แต่บริษัทเป็นธุรกิจพื้นฐานที่มีความรู้พร้อมช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจใหม่ๆ สามารถดำเนินงานเพื่อสอดรับกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน เช่น บริษัทสามารถก่อสร้างอาคารและวางระบบตามมาตรฐาน REIT Certification ให้แก่ลูกค้าได้ตามที่ต้องการ
ส่วนการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ มองว่าเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นที่สนใจของนักลงทุนส่วนมาก เพราะมักจะเป็นสิ่งแรกที่นักลงทุนถามถึง ทั้งในเรื่อง inventive ที่โดดเด่นและแตกต่างกับสิทธิประโยชน์จาก BOI และเงื่อนไขการทำธุรกิจ
รวมไปถึงขั้นตอนการยื่นขออนุญาตและการดำเนินเอกสารต่าง ๆซึ่งเขตเศรษฐกิจพิเศษส่วนมากจะมีบริการ one-stop service ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนได้อย่างมาก
ขณะหลักคิดในการทำธุรกิจในไทยและการให้ความสำคัญกับคน ESR เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายในระดับภูมิภาค มีการลงทุนและทำงานในหลากหลายประเทศ โดยยึดมั่นในกลยุทธ์การทำงานแบบ Global thinking ควบคู่ไปกับ Local Knowledge
โดยมีทีมงานที่เป็นคนในประเทศที่มีประสบการณ์ความรู้และความเชี่ยวชาญในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี และสามารถปรับใช้ความรู้จากตัวอย่างหรือประสบการณ์ด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ จาก ESR ในประเทศอื่น ๆ ได้ และด้วยบริษัททำงานอยู่ในหลากหลายประเทศทำให้มีเครือข่ายลูกค้าที่เข้มแข็งในหลากหลายอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งให้ความสำคัญด้านการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจ สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance หรือ ESG) ซึ่งรวมไปถึงให้ความสำคัญกับเรื่อง Human centric ความหลากหลายและเท่าเทียมกัน
โดยปัจจุบัน ESR มีพนักงานผู้หญิงคิดเป็นสัดส่วนทั้งหมดกว่า 41% พร้อมสนับสนุนความเป็นอยู่ที่ดีและปลอดภัยให้กับทุกคน ทั้งผู้คนในที่ทำงาน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และนักลงทุนที่จะมาร่วมงานกับบริษัท
สำหรับมุมมองต่อค่าบาทแข็ง-สงครามตะวันออกกลาง รวมถึงการปรับค่าแรง ในประเทศไทย มองว่า ประเด็นเหล่านี้ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของธุรกิจต่างชาติอย่างแน่นอน โดยเฉพาะที่ปัจจุบันที่ค่าเงินไทยแข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็ส่งผลให้บางบริษัทชะลอการตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย
เช่นเดียวกันกับเรื่องค่าแรงที่กำลังจะสูงขึ้นก็ส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนด้วยเช่นกัน เพราะปัจจุบันประเทศคู่แข่งของไทยอย่าง เวียดนาม ก็ยังมีอัตราค่าจ้างแรงงานที่ตํ่ากว่า อย่างไรก็ตามสิ่งที่ประเทศไทยยังคงได้เปรียบคือ การที่เรามี Human resource ที่เป็น Mid-level engineering มากกว่า
เพราะบริษัทที่เป็นธุรกิจ New economy ต้องการ skilled labor เป็นอย่างมาก เช่น ล่าสุดทราบมาว่าบริษัท Intel ที่ได้ลงทุนจัดตั้งโรงงานในประเทศเวียดนาม ก็ได้ประกาศย้ายฐานการผลิตออกจากเวียดนามแล้ว เนื่องจากไม่สามารถจัดหา Mid-level engineering labor มาทำงานได้เพียงพอส่งผลต่อกำลังการผลิตของบริษัท
หน้า 20 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,036 วันที่ 17 - 19 ตุลาคม พ.ศ. 2567